20 พฤศจิกายน 2561 : นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยายนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนต.ค.อยู่ที่ 93,338 คัน เพิ่มขึ้น 2.75% จากเดือน ต.ค.60 จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาด ยกเว้นตลาดตะวันออกกลาง และตลาดยุโรป โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์ คิดเป็น 48,482.73 ล้านบาท ลดลง 2.65%

ขณะที่ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 61 (ม.ค.-ต.ค.) มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปที่ 952,125 คัน เพิ่มขึ้น 1.2% จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นมูลค่าการส่งออก 499,379.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.04%

สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน ต.ค.61 มีจำนวนทั้งสิ้น 86,931 คัน ลดลง 2.0% จากเดือนก.ย. 61 แต่เพิ่มขึ้น 26.8% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว จากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ขยายตัว การแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่จากค่ายรถยนต์ต่างๆ การลงทุนของภาครัฐเร่งตัวขึ้น การลงทุนของเอกชนปรับตัวดีขึ้น ผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น การพักหนี้เกษตรกร การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาลที่ส่งเสริมการค้าส่งและค้าปลีกเติบโตขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังคงมีมาก

ส่วนจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือน ต.ค. 61 มีทั้งสิ้น 197,203 คัน สูงสุดในรอบ 63 เดือน จากการผลิตเรถยนต์นั่งและรถกระบะเพื่อจำหน่ายในประเทศ ส่วน 10 เดือนของปี 61 อยู่ที่ 1,801,319 คัน เพิ่มขึ้น 9.75% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ยอดการผลิตรถยนต์กลับมาใกล้ระดับเดือนละ 2 แสนคันเหมือนช่วงที่มีโครงการรถยนต์คันแรก ขณะที่ยอดขายรถกระบะขยายตัวมากถึง 39.50% ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้ดีจริง” นายสุรพงษ์ กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้ปรับประมาณการผลิตรถยนต์ปี 61 โดยเพิ่มเป้าการผลิตเป็น 2.1 ล้านคัน จากเดิมที่ 2.08 ล้านคัน โดยเป็นการปรับเพิ่มเป้าผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 2 หมื่นคัน มาที่ 1 ล้านคัน จากเป้าเดิมที่ 9.8 แสนคัน ส่วนการผลิตเพื่อส่งออก คงเป้าเดิมที่ 1.1 ล้านคัน

สำหรับภาวะเศรษฐกิจโลกนั้นคงต้องจับตาดูผลกระทบที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ว่าจะเป็นอย่างไร แต่เท่าที่ดูสถิติการส่งออกรถยนต์ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาแล้วเชื่อว่าการส่งออกในปีนี้อาจจะมีตัวเลขพอๆ กับปีที่แล้ว