WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอาทิตย์ ที่ 22 ธันวาคม 2567 ติดต่อเรา
NETBAY เคาะราคา IPO หุ้นละ 4.00 บาทเปิดจองซื้อ 8 – 10 มิ.ย.นี้

กรุงเทพฯ – วันที่ 6 มิถุนายน 2559 : บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY ลงนามในสัญญาแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) พร้อมทั้งแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 2 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาขายหุ้น IPO ในราคาหุ้นละ 4.00 บาท โดยกำหนดเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 8-10 มิถุนายนนี้ และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 17 มิถุนายน 2559

ทั้งนี้ บมจ.เน็ตเบย์ ได้เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 40 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยปัจจุบัน บมจ.เน็ตเบย์ มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 160 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรองรับการขยายธุรกิจ

สำหรับ บมจ.เน็ตเบย์ เป็นผู้นำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์และบริการด้าน e-Logistics Trading และ e-Business Services ครบวงจร ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิตอล (Digital Economy) ของประเทศไทย โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางเกตเวย์ให้บริการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลการค้าผ่านระบบออนไลน์พร้อมกัน ณ จุดเดียว ระหว่างภาคธุรกิจและภาครัฐ (B2G) ภาคธุรกิจและภาคธุรกิจ (B2B) และภาคธุรกิจกับภาคประชาชน (B2C) ด้วยการนำเทคโนโลยี ไพรเวท คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Private Cloud Computing) มาให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

thumbnail_คุณพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์

นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจมากว่า 10 ปี โดยพัฒนาเทคโนโลยีซอฟท์แวร์ e-Logistics Trading และ e-Business Services ที่ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ (ลูกค้าที่ใช้บริการ) กลางน้ำ (ระบบ Gateway ของบริษัทฯ) และปลายน้ำ (การเชื่อมโยงการทำธุรกรรมกับหน่วยงานต่างๆ) อย่างครบวงจร เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย

พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางการให้บริการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลทางออนไลน์ระหว่างหน่วยงานต่างๆ จากจุดเดียว (Omni Channel Connectivity Gateway) ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ศูนย์ประมวลผล ศูนย์ประมวลผลสำรอง ระบบซอฟท์แวร์ปฏิบัติการที่ใช้รองรับการทำธุรกรรมรับ-ส่งข้อมูล ระบบเครือข่ายและระบบป้องกันความปลอดภัยข้อมูลเพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนและลดต้นทุนจากการรับ-ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อทดแทนการใช้เอกสาร

บมจ.เน็ตเบย์ นับเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่ให้บริการในรูปแบบ Software as a Service (SaaS) หรือซอฟท์แวร์ที่ให้บริการผ่านระบบออนไลน์ ภายใต้แนวคิด Better Faster Cheaper โดยลูกค้าจะไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนซื้อซอฟท์แวร์ รวมถึงไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์และค่าบำรุงรักษารายปี ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลผ่านระบบออนไลน์เพื่อทดแทนการใช้เอกสาร รวมถึงช่วยควบคุมต้นทุนเนื่องจากจะคิดค่าใช้บริการตามปริมาณการใช้งานจริง (Per transaction fee) หรือคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน (Monthly fee) ส่งผลให้กระแสรายได้ของบริษัทฯ มีความมั่นคงและสม่ำเสมอ

โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีบริการแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มบริการ e-Logistic Trading เป็นการให้บริการรับ-ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (Paperless) เกี่ยวกับสินค้าและการขนส่งที่เกิดขึ้นภายในประเทศและระหว่างประเทศ เช่น บริการรับ-ส่งข้อมูลธุรกรรมเอกสารการค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ บริการรับ-ส่งข้อมูลธุรกรรมพิธีการทางศุลกากร 2.กลุ่มบริการ e-Business Services ได้แก่ การรายงานข้อมูลธุรกรรมลูกค้าที่ทำธุรกรรมกับสถาบันการเงิน รวมถึงการให้บริการข้อมูลในการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า และ 3.กลุ่ม Projects และอื่นๆ ได้แก่ การพัฒนาระบบงานสารสนเทศภายในให้แก่หน่วยงานต่างๆเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคดิจิตอล (Digital Business Transformation)

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เน็ตเบย์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนขยายการให้บริการธุรกรรมรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ไปยังฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ e-DLT (Department of Land Transport) เพื่อให้บริการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลการชำระภาษีรถยนต์ทุกประเภทระหว่างกลุ่มผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก

ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผู้ให้บริการ e-DLT ในประเทศไทย โดยคาดว่าบริษัทฯ จะพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายและข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก บริการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ให้สามารถชำระภาษีรถยนต์ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้หลายรายการในคราวเดียว ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายในการชำระภาษีรถยนต์ รวมถึงช่วยลดภาระให้แก่เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP