14 พฤศจิกายน 2561 : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีความเห็นต่อผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่า กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% นับเป็นการตรึงดอกเบี้ยครั้งที่ 28 ภายหลังการลงมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 4 ต่อ 3
โดยมีกรรมการ 3 ท่านเห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าสู่ระดับ 32.90 ต่อดอลลาร์ แต่การปรับตัวของค่าเงินในช่วงนี้สะท้อนความแข็งแกร่งของดอลลาร์ ซึ่งได้อานิสงส์จากปัญหาร่างงบประมาณของอิตาลีและข้อตกลง Brexit ที่ยังไม่มีข้อสรุป นับตั้งแต่ต้นปี
เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลง 1.1% เทียบกับดอลลาร์ แต่ยังปรับตัวได้ดีกว่าสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ เนื่องจากยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยยังคงแข็งแกร่ง
คณะกรรมการ กนง. มองว่าความเสี่ยงจากผลกระทบของมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และจีน อาจมีมากกว่าที่คาด ขณะที่แรงส่งของอุปสงค์ในประเทศได้ช่วยบรรเทาผลกระทบของความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัว
โดยคณะกรรมการเห็นว่า ผลกระทบต่อภาคส่งออกของไทยน่าจะเป็นเพียงชั่วคราว ในด้านแรงกดดันด้านราคา อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังมีความเสี่ยงที่จะปรับลงตามความผันผวนของราคาพลังงานและราคาอาหารสด
คณะกรรมการกนง. มีกำหนดการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 19 ธันวาคม 2561 โดยการลงมติด้วยคะแนนเสียง 4:3 ในวันนี้ เป็นไปตามที่กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์คาดไว้ และเป็นสัญญาณที่เพิ่มความเป็นไปได้ว่า กนง.จะเริ่มวัฏจักรการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม
คณะกรรมการกนง. กล่าวย้ำว่า การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับปัจจุบันจะทยอยลดความจำเป็นลง โดยมีจำนวนกรรมการเพิ่มขึ้นทีเห็นว่าควรจะปรับขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากความกังวลในเรื่องความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินจากการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำนานเกินไป ขณะที่มองว่าเศรษฐกิจของประเทศมีความแข็งแรงเพียงพอ