12 พฤศจิกายน 2561 : นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึง การดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 ธนาคารยังให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัย พร้อมกับการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และให้บริการลูกค้ามุ่งสู่การเป็น Dynamic Moving Bank ด้วยการ Kick Off การดาวน์โหลด Mobile Application : GHB ALL แอปเดียวครบจบ รวมทุกบริการ ธอส. ไว้ในมือคุณ
ซึ่งเริ่มเปิดให้ลูกค้าประชาชนดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าประชาชนในการทำธุรกรรมการเงินแบบดิจิทัลได้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ทุกที่ ทุกเวลา โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในเดือนมกราคม 2562 จะมีจำนวนธุรกรรมทางการเงินผ่าน GHB ALL จำนวน 500,000 ธุรกรรม และเพิ่มเป็น 70% ของธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดภายในปี 2562
สำหรับผลงานช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ ทั้งสิ้น 161,758 ล้านบาท 131,748 บัญชี เพิ่มขึ้น 36.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถเพิ่มโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 79,337 ราย
ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2561 เทียบกับสิ้นปี 2560 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,096,596 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.15% สินทรัพย์รวม 1,141,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.47% เงินฝากรวม 917,249 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.90% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 48,211 ล้านบาท คิดเป็น 4.40% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงเล็กน้อยจาก ไตรมาสที่ 2
ทางด้าน NPL คิดเป็น 4.41% ของยอดสินเชื่อรวม ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้า ให้กลับมามีสถานะปกติเพื่อให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ต่อไป และมีกำไรสุทธิ 9,645 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่ 13.87% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
“จากการเติบโตของสินเชื่อปล่อยใหม่ในไตรมาสที่ 3 โดยเฉพาะในส่วนของวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีจำนวนถึง 79,337 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 19.75% สะท้อนให้เห็นว่า ธอส. ได้มีบทบาทส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางได้มีบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงที่ธนาคารได้พิจารณาภายใต้มาตรฐานสินเชื่อที่เหมาะสม
โดยไม่ส่งเสริมให้ประชาชนก่อหนี้เกินความจำเป็นเพราะอาจมีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าได้ในอนาคต และมั่นใจว่า ณ สิ้นปี 2561 ธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อสูงกว่าเป้าหมายซึ่งกำหนดไว้ที่ 189,000 ล้านบาท จากโปรโมชันพิเศษเพื่อเร่งปิดยอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย”นายฉัตรชัยกล่าว