9 พฤศจิกายน 2561 : นายพรเลิศ ลัธธนันท์ ประธานกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นายวุฒิชัย สุระรัตน์ชัย เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา โดยมีประวัติด้านการศึกษาจบปริญญาตรีบัญชีบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 1) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโท MBA มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายวุฒิชัยมีประสบการณ์ในแวดวงการเงินการธนาคารกว่า 30 ปี ซึ่งตำแหน่งสุดท้ายก่อนร่วมงานกับไอแบงก์คือ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
สำหรับผลการดำเนินการฟื้นฟูฐานะทางการเงินของธนาคาร ณ สิ้นปี 2561 เป็นที่น่าพอใจและสูงกว่าเป้าหมาย คาดว่าสิ้นปีนี้ ธนาคารจะมีกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 600 ล้านบาท และหลังการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มเติม เพื่อรองรับลูกหนี้ที่อาจด้อยคุณภาพในอนาคต จะทำให้ธนาคารมีกำไรสุทธิประมาณ 590 ล้านบาท ถือเป็นการสร้างกำไรในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
ส่วนการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่กระทรวงการคลัง หลังจากที่พรบ.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้รับการแก้ไข เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถถือหุ้นในธนาคารได้เกินร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดไปเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2561 ปัจจุบันธนาคารได้รับชำระเงินเพิ่มทุนครบ 18,100 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้กระทรวงการคลังเป็นถือหุ้นเกือบ 100% ด้านการหาพันธมิตรซึ่งเป็นข้อกำหนดของกระทรวง ก็คงชะลอไปก่อน เพื่อรอโอกาสและผู้สนใจที่เหมาะสมต่อไป
ด้าน นายวุฒิชัย สุระรัตน์ชัย ผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้จัดทำแผนเพื่อขยายธุรกิจเมื่อเงินเพิ่มทุนเข้ามา และนำเสนอ สคร.แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างนำเสนอคณะกรรมการนโยบายกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 7 ด้านที่คณะกรรมการธนาคารให้ไว้ ด้วย 3 แผนหลัก กล่าวคือ แผนพัฒนาธุรกิจเพื่อเพิ่มลูกค้า แผนพัฒนาองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และแผนพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มศักยภาพและความยั่งยืน
แผนพัฒนาธุรกิจเพื่อเพิ่มลูกค้า จะยังคงมุ่งเน้นลูกค้ามุสลิมตามพันธกิจของธนาคาร เพื่อให้เป็นธนาคารหลักของลูกค้ามุสลิม ในขณะเดียวกันก็จะเป็นทางเลือกที่ดีของลูกค้าทั่วไป โดยมีเป้าหมายการเติบโตทางด้านสินเชื่อในปี 2562 รวม 12,500 ล้านบาท เพื่อให้รายได้หลักเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แผนพัฒนาองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เป็นแผนเพื่อปรับปรุงกระบวนการอำนวยสินเชื่อ เพื่อช่วยสนับสนุนการขยายพอร์ทและเพิ่มคุณภาพของสินทรัพย์รวมทั้งปรับปรุงประสิทธิภาพด้านปฏิบัติการสินเชื่อให้มี Check & Balance ลดกระบวนการซ้ำซ้อนเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ รวมถึงการปรับ Platform ด้าน IT เข้าสู่การให้บริการด้วยระบบ Digital Banking เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้าธนาคาร
ส่วน แผนพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มศักยภาพ เป็นการพัฒนาบุคลากรให้มีความสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ พัฒนาทักษะด้านการขาย พัฒนาความรู้ด้าน Islamic Banking & Finance เพื่อทำให้บุคลากรมีความรู้ความสามารถและสมรรถนะในการทำงานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาการดำเนินงานมุ่งสู่เป้าหมายธนาคารให้สำเร็จ
นอกจากนี้ เป้าหมายของธนาคารด้านการเป็น “ธนาคารคุณธรรม” เพื่อยกระดับและพัฒนามาตรฐาน ด้านคุณธรรม จากเดิมซึ่งก็มีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไป ซึ่งไอแบงก์ดำเนินธุรกิจตามหลักศาสนาอิสลาม ตั้งอยู่บนหลักคุณธรรม ดังนั้น หากพนักงานทุกคนตระหนัก ปฏิบัติตนตามหลักคุณธรรมและมีจริยธรรม มีวัฒนธรรมการทำงานที่โปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต ก็จะส่งผลให้เป็นองค์กรที่เข้มแข็ง ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล ส่งต่อการให้บริการแก่ลูกค้าและประชาชนอย่างเป็นธรรม ทั้งนี้เพื่อสร้างแบบอย่างที่ดีขององค์กรให้เป็นธนาคารคุณธรรมอย่างยั่นยืนต่อไป
ด้านการความสามารถในการทำกำไรปี 2562 ธนาคารตั้งเป้าไว้ว่ากำไรจะมีกำไรจากการดำเนินงาน 1,135 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 1,088 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ราว 80% ธนาคารมุ่งมั่นที่จะกลับมาสู่ความแข็งแกร่งเป็นธนาคารที่ให้บริการทางด้านการเงินตามหลักการเงินอิสลามแห่งเดียวในไทย ที่พร้อมให้บริการแก่พี่น้องมุสลิม และเป็นทางเลือกที่ดีของลูกค้าทั่วไป ให้รู้สึกอุ่นใจเมื่อใช้ไอแบงก์ครับ นายวุฒิชัย กล่าวทิ้งท้าย