8 ตุลาคม 2561 : ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (8-12 ต.ค.) ประเด็นการลงทุนที่สำคัญในสัปดาห์นี้ คือ เรื่องการไหลออกของเงินทุนจากการที่นักลงทุนได้ปรับพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ( World Index -1.9% ; MSCI EM -4.5% : Bloomberg)
ขณะเดียวกัน ธนาคารโลก (World Bank) และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เริ่มออกมาเตือนว่าในปีหน้าผลกระทบจากสงครามการค้าจะเห็นชัดเจนขึ้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและเป็นส่วนหนึ่งที่กระทบไปถึงตลาดเกิดใหม่ (EM) ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ สำหรับตลาดไทยแม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและค่าเงิน แต่ก็ถูกกระทบบ้างเช่นกันเพราะอยู่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากการไหลออกของเงิน ขณะเดียวกันการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงมาที่ 32.80 บาท/ดอลลาร์ รวมทั้งทิศทางราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มผันผวนจากความไม่แน่นอนในเรื่องปริมาณการผลิตซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมีจะมีความผันผวนไปด้วย
ส่วนปัจจัยในประเทศ ปัจจัยหนุนตลาดจากประเด็นการเลือกตั้งมีน้ำหนักน้อยลงในช่วงนี้ ตลาดกำลังให้ความสนใจไปที่พรรคการเมืองและผู้นำพรรคว่าใครจะเป็นนายกฯคนต่อไป อีกประเด็นคือ สัปดาห์นี้สถาบันการเงินจะเริ่มรายงานกำไรไตรมาส 3 KTBST ประเมินกำไรกลุ่มธนาคารอยู่ที่ +10% YoY และ -3%QoQ โดย TISCO จะเป็นธนาคารแรกที่รายงานผลกำไร โดย KTBST คาดว่า TISCO จะมีกำไร 1.6 พันลบ. +4%YoY และ -4%QoQ และคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า (YoY) เนื่องจากฐานกำไรจากปีก่อนที่ต่ำกว่า แต่อาจทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)
ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ คาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,700-1,740 จุด การไหลออกของเงินลงทุนส่งผลมาถึงตลาดหุ้นไทย ทำให้หุ้นส่วนใหญ่ของไทยในสัปดาห์นี้ ยังมีความเสี่ยงจากแรงขายโดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ นักลงทุนจึงควรรอดูสถานการณ์ หากดัชนีฯปรับตัวลงต่ำกว่า 1,710 จุด ให้ลดน้ำหนักพอร์ตลง คือเลือกลดหุ้นที่ราคาขึ้นมามากและไม่มีปัจจัยสนับสนุนออกไปก่อน โดยหุ้นที่น่าสนใจสัปดาห์นี้ KTBST เลือกหุ้นที่คาดว่าจะสามารถสวนกระแสตลาดและจะมีแรงซื้อหากดัชนีฯดีดตัวกลับ ได้แก่ WHA, AMATA, KCE, BGRIM, CPN, GUNKUL