กรุงเทพฯ, 20 กันยายน 2561 : หนังสือเล่มโปรดของคุณคืออะไร… นี่คงเป็นคำถามที่เราตอบได้แบบไม่ต้องคิด บางคนอาจจะรักสามก๊กเป็นชีวิตจิตใจ ยกให้เพชรพระอุมาเป็นนิยายในดวงใจ หรือโตมาพร้อมกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ และผองเพื่อน แต่สำหรับเด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล นี่ไม่ใช่คำถามที่ง่ายเลย เพราะการมีหนังสือสักเล่มเป็นของตนเองนับเป็นเรื่องยากมาก
อย่างไรก็ตาม ถ้าลองถามคำถามนี้กับนักเรียนโรงเรียนวัดสัมมาราม จังหวัดราชบุรี และโรงเรียนบ้านหินประกาย จังหวัดพิษณุโลก แทบทุกคนจะตอบได้อย่างฉะฉาน และนั่นเป็นเพราะผู้หญิงตัวเล็กๆ 2 คนที่มีชื่อว่า นางวันดี คชานันท์ และ นางรัตนา ศรีบัวจับ คุณครูผู้ไม่เพียงสร้างสรรค์โอกาสให้ลูกศิษย์ได้เข้าถึงหนังสือมากมาย แต่ยังปลูกฝังให้พวกเขารักการอ่านอีกด้วย
นางวันดี คชานันท์ ครูบรรณารักษ์ กับจดหมายซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของห้องสมุด กรุงศรี ออโต้ โรงเรียนวัดสัมมาราม
นางวันดี คชานันท์ มุ่งมั่นเดินสู่สายอาชีพบรรณารักษ์ตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่มัธยมปลาย เนื่องจากได้แรงบันดาลใจจากครูบรรณารักษ์ของตนซึ่งปลูกฝังให้แสวงหาความรู้จากการอ่านหนังสือ เมื่อได้มาประจำที่โรงเรียนวัดสัมมาราม และพบว่าห้องสมุดอยู่ในสภาพทรุดโทรม จึงตั้งใจว่าต้องหาโอกาสต้องปรับปรุงให้ได้
จนเมื่อ 5 ปีก่อน คุณครูได้ทราบถึงโครงการ “ห้องสมุด กรุงศรี ออโต้” ซึ่งมุ่งพัฒนาห้องสมุดให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน จึงเขียนจดหมายขอความอนุเคราะห์ในการพัฒนาห้องสมุดในทันที จดหมายฉบับนั้นเดินทางมาถึงมืออาสาสมัครโครงการฯ ในสภาพเปียกปอนน้ำฝนจากฤดูมรสุม ตัวหนังสือเลือนจางจนเกือบถูกมองข้าม แต่เมื่อได้อ่านเนื้อหาข้างใน ทีมงานก็ติดต่อคุณครูอย่างไม่ลังเล
ห้องสมุดกรุงศรี โรงเรียนวัดสัมมาราม
จดหมายของครูวันดีในวันนั้นกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของห้องสมุดสีสันสดใส มีหนังสือนับร้อยให้เลือกสรร มีกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และมีเด็กๆ แวะเวียนมาไม่ขาดสาย ยิ่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อาสาสมัครได้กลับมามอบหนังสือใหม่ๆ และปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบ ห้องสมุดยิ่งคึกคักเป็นพิเศษ
ครูวันดีเล่าว่า “สำหรับนักเรียนที่นี่ ห้องสมุดเป็นแหล่งเดียวที่จะช่วยเปิดโลกของพวกเขา โรงเรียนจึงมีบทบาทสำคัญมากในการหยิบยื่นโอกาสในการเรียนรู้นี้ให้กับเยาวชน ดังนั้น แม้จะเป็นโรงเรียนเล็กๆ แต่หากมีห้องสมุดที่อยู่ในสภาพน่าใช้งาน และมีหนังสือคุณภาพดี ก็จะช่วยจุดประกายให้เด็กๆ รักการอ่านได้ไม่ยาก ครูจึงรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่เห็นเด็กๆ เข้ามาหยิบหนังสือและนั่งอ่านไปด้วยกัน”
ด.ญ. สิรินผา เสืองาม หรือน้องโบว์ กับหนังสือเล่มโปรดเล่มใหม่
ด.ญ. สิรินผา เสืองาม หรือน้องโบว์ ชั้นป.6 เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้สัมผัสการเปลี่ยนแปลงของห้องสมุดแห่งนี้ และรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยที่กำลังจะได้พบหนังสือเล่มโปรดเล่มใหม่ “หนูชอบอ่านนิทานอีสปค่ะ เพราะสนุก เข้าใจง่าย อ่านแล้วได้คิดตามไปด้วย เวลาอ่านจบคุณครูจะให้เขียนบันทึกการอ่านว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรและได้ข้อคิดอะไรบ้าง หนูชอบอ่านนิทานเกี่ยวกับสัตว์เลยอยากอ่านเล่มนี้ค่ะ บ้านใต้ดิน 100 ชั้น” น้องโบว์พูดและเดินไปหยิบหนังสือเล่มใหม่เอี่ยมบนชั้น
ถ้าห้องสมุดบรรยากาศน่านั่งคือสิ่งที่ชักชวนนักเรียนโรงเรียนวัดสัมมารามให้เข้ามาหยิบยืมหนังสือ ห้องสมุดที่มีระบบและพื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจนที่โรงเรียนบ้านหินประกายก็คือสิ่งที่สร้างหนอนหนังสือตัวน้อยมากมายมาตลอด 5 ปีเต็ม และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กรุงศรี ออโต้ ได้กลับมาซ่อมแซมแหล่งเรียนรู้ที่ริเริ่มไว้ให้สวยงามทันสมัย แต่กลับพบว่าห้องสมุด
ซึ่งมีนางรัตนา ศรีบัวจับ เป็นแรงผลักดันสำคัญ ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมด้วยการจัดหมวดหมู่หนังสือตามระบบทศนิยมดิวอี้ (Dewey Decimal Classification) ซึ่งพบเห็นได้ไม่บ่อยนักในห้องสมุดของโรงเรียนเล็กๆ ในต่างจังหวัด
นางรัตนา ศรีบัวจับ ครูวิชาการ ผู้ริเริ่มนำระบบดิวอี้มาจัดหมวดหมู่หนังสือในห้องสมุด กรุงศรี ออโต้ โรงเรียนบ้านหินประกาย
“โรงเรียนตั้งใจจะใช้ระบบดิวอี้ในการจัดหมวดหมู่หนังสือตั้งแต่ตอนห้องสมุดเริ่มเปิดใช้ เพราะเป็นมาตรฐานสากลที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ใช้งาน โดยใช้บาร์โค้ดในการจัดการและยืม-คืนหนังสือ หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว โดยเฉพาะสำหรับห้องสมุดเล็กๆ แต่ระบบดิวอี้ช่วยให้เราบริหารจัดการห้องสมุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนก็สามารถเข้ามาใช้งานได้ง่าย ซึ่งสำคัญไม่แพ้การมีหนังสือหลากหลายให้เลือกอ่าน
จุดนี้ทำให้เราได้รับการชื่นชมจากหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาศึกษาดูงานอยู่เสมอ และยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราได้รับการประเมินมาตรฐานห้องสมุดโรงเรียนขนาดกลาง ในระดับดีเยี่ยม ในปีที่ผ่านมาอีกด้วย” ครูรัตนาเล่า
ด.ญ. วนุชดา จันดาหาร หรือ น้องดรีม ชั้น ม.2 เล่าถึงชีวิตประจำวันที่ผูกพันกับห้องสมุดด้วยดวงตาเป็นประกาย “หนูชอบชวนเพื่อนๆ มาอ่านหนังสือช่วงพักกลางวันค่ะ ชอบอ่านพวกการ์ตูนความรู้อย่างเรื่องครอบครัวตึ๋งหนืด ที่เล่าเรื่องการอดออม ยิ่งโรงเรียนจัดหนังสือเป็นหมวดหมู่ชัดเจน ถึงมีหนังสือเพิ่มขึ้นก็ยังหาได้ง่ายอยู่ อยากให้มีหนังสืออีกเยอะๆ จะได้เข้ามาอ่านได้ไม่ซ้ำเลยค่ะ”
แม้จะประสบความสำเร็จในการสร้างนิสัยรักการอ่านให้กับลูกศิษย์มาหลายรุ่น แต่เป้าหมายของครูรัตนาไม่ได้หยุดแค่นี้ “เมื่อกรุงศรี ออโต้ ติดต่อเข้ามาเรื่องการปรับปรุงห้องสมุด เราได้นำเสนอการสร้างห้องกิจกรรมเพิ่มเติม เพราะครูอยากให้ห้องสมุดเป็นทุกอย่างสำหรับเด็กๆ เป็นที่ที่พวกเขาเข้ามาแล้วมีความสุข ได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย และเป็นห้องสมุดที่มีชีวิตจริงๆ” ครูรัตนากล่าวทิ้งท้าย
ห้องสมุด กรุงศรี ออโต้ โรงเรียนบ้านหินประกาย
ในยุคที่เทคโนโลยีทำให้เราเข้าถึงข้อมูลได้จากปลายนิ้ว เรื่องราวของห้องสมุด กรุงศรี ออโต้ โรงเรียนวัดสัมมาราม และโรงเรียนบ้านหินประกาย ชี้ให้เห็นถึงพลังของหนังสือในการเปิดโลกจินตนาการ และบทบาทของโรงเรียนในการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ แต่เหนืออื่นใดมันสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้หญิงตัวเล็กๆ 2 คนที่ต้องการอยากเห็นลูกศิษย์ได้เติบโตอย่างมีคุณภาพและมีความสุข
โครงการ “ห้องสมุด กรุงศรี ออโต้” ริเริ่มขึ้นในปี 2553 โดยได้ดำเนินการสร้างห้องสมุดให้กับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลทั้งสิ้น 13 แห่งในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และเพื่อเป็นการต่อยอดแหล่งความรู้ที่ทันสมัยให้กับเยาวชนที่ขาดแคลน
เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา กรุงศรี ออโต้ จึงได้ริเริ่มโครงการ “สร้าง-ซ่อม-เสริม ห้องสมุดกรุงศรี ออโต้” โดยได้ดำเนินการซ่อมแซมห้องสมุดตามโครงการฯ มาแล้ว 6 แห่ง และในปี 2561 นี้จะปรับปรุงห้องสมุดทั้งสิ้น 6 แห่งด้วยกัน