20 สิงหาคม 2561 : จากตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ประกาศล่าสุดโดยสำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองขยายตัวกว่า 4.6% ซึ่งมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้กว่า 4.5% โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคสินค้าคงทน ได้แก่ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ที่ขยายตัวกว่า 11.4% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการครบกำหนด 5 ปีของนโยบายรถคันแรก ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่ระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2013
ในขณะที่การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนก็เริ่มชัดเจนขึ้น จากตัวเลขการขยายตัวได้กว่า 3.2% ซึ่งถือว่าปรับตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่การลงทุนภาคเอกชนเฉลี่ย หดตัว 0.5% ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวเป็นการขยายตัวจากทั้งการลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ และภาคก่อสร้าง นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐก็เริ่มกลับมาเร่งตัวขึ้นได้จากที่ชะลอไปบ้างเมื่อปีที่แล้ว
สำหรับภาคต่างประเทศแม้การท่องเที่ยวจะชะลอลงบ้างจากปัจจัยชั่วคราว แต่ก็ยังมีแรงหนุนจากการส่งออกสินค้าที่ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีเกินระดับศักยภาพที่ 3-4% ได้ต่อเนื่อง และไม่ได้มาจากอุปสงค์จากต่างประเทศเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศที่ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชน
ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น จะทำให้อัตราเงินเฟ้อคงอยู่ในกรอบเป้าหมายของ ธปท. ที่ 1-4% ได้ จะเป็นแรงหนุนสำคัญให้ ธปท. เริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นได้ โดย TMB Analytics คาดว่าดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้น 1 ครั้งในช่วงไตรมาสสี่ของปีนี้จาก 1.5% เป็น 1.75% เพื่อเพิ่ม policy space ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีและอัตราเงินเฟ้อกลับเข้ากรอบเป้าหมายแล้ว