14 สิงหาคม 2561 : นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) กล่าวว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2561 จะเห็นได้ว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ผันผวนมากกว่าในอดีต
โดยหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นลงแรงตามผลกระทบจากหลายปัจจัย ขณะที่ความน่าสนใจในการลงทุนตราสารหนี้เริ่มลดลงเพราะอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความลังเลว่าจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใดที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีไปพร้อมๆ กับความเสี่ยงที่รับได้ ดังนั้น ในระยะหลังจึงเริ่มเห็นเม็ดเงินไหลเข้าไปลงทุนในกองทุนรวมผสมมากขึ้น
เนื่องจากลงทุนครั้งเดียวแต่สามารถกระจายสินทรัพย์การลงทุนได้หลากหลายประเภท มีความเสี่ยงไม่สูงมาก มีความผันผวนน้อย และไม่พลาดโอกาสที่ดีจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นอีกด้วย
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการออมเงินไว้สำหรับวัยเกษียณผ่านกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) รับความเสี่ยงได้ไม่สูงนัก และไม่มีเวลาในการจัดพอร์ตการลงทุน กองทุนรวมผสมก็เป็นเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ซึ่งปัจจุบันในตลาดยังไม่มี RMF ประเภทดังกล่าวมากนัก ดังนั้น บลจ.ทิสโก้จึงเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ อินคัม พลัส เพื่อการเลี้ยงชีพ (TINRMF) ความเสี่ยงระดับ 5 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง)
กองทุนรวมผสมประเภท RMF ที่มีนโยบายการลงทุนกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั้งในและต่างประเทศ โดดเด่นตรงที่ช่วยนักลงทุนจัดพอร์ตการลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ เสนอขายครั้งแรก (IPO) 14 สิงหาคม – 4 กันยายน 2561
“การกระจายสินทรัพย์การลงทุนที่ดีจะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนในระยะยาวได้ ซึ่งปกติแล้วการลงทุนในกองทุน RMF นักลงทุนอาจต้องจัดสินทรัพย์การลงทุนเองโดยใช้วิธีกระจายการลงทุนไปในหลายกองทุน และที่ผ่านมาจะเห็นว่ากองทุน RMF ส่วนใหญ่จะลงทุนเฉพาะเจาะจงในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น
บลจ.ทิสโก้จึงเสนอขายกองทุน TINRMF มาช่วยตอบโจทย์เพราะลงทุนเพียงกองทุนเดียวแต่สามารถกระจายการลงทุนได้อย่างหลากหลาย เช่น ตราสารหนี้ หุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REITs) เป็นต้น” นายสาห์รัช กล่าว
กองทุน TINRMF จะลงทุนในกองทุนเปิด ทิสโก้ อินคัม พลัส (TINCOME) มีความเสี่ยงระดับ 5 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) ซึ่งมีผลตอบแทนย้อนหลังดีกว่าดัชนีชี้วัด โดยกองทุน TINCOME มีนโยบายลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน เงินฝาก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REITs กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี 6 เดือน 3 เดือน และตั้งแต่ต้นปี 2561 ถึงปัจจุบัน ตามข้อมูลของ บลจ.ทิสโก้ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2561 อยู่ที่ 7.41%ต่อปี, 0.27%, 0.85%,1.90% ตามลำดับ
ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันดัชนีผลตอบแทนรวมซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างดัชนีพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุคงเหลือตั้งแต่ 1-3 ปี (15%) ดัชนีหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (15%) และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุประมาณ 3 เดือนใน (20%) ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) (25%)
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (PF&REITs) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (25%) มีผลตอบแทนอยู่ที่ 6.32% ต่อปี, -0.19%,-0.59% และ 1.30% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิใช่สิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต