นำสินประกันภัย ปลื้มผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง เผยรายได้เบี้ยประกันภัยปี 2558 รวมทั้งสิ้น 2,005.64 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วถึง 16.86% ประกาศปี 2559 เดินหน้าขยายงานตลาดรถใหญ่ คุ้มครองธุรกิจของผู้ประกอบการโลจิสติกส์อย่างครบวงจร รองรับการที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจโลจิสติกส์ของอาเซียน ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวม 2,500 ล้านบาท และจะผลักดันการดำเนินงานตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปให้ขยายตัวเติบโตได้ปีละ 10-15% เป็นอย่างน้อย
นายสมบุญ ฟูศรีบุญ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นำสินประกันภัย จำกัด (มหาชน) แถลงผลการดำเนินงานและทิศทางการดำเนินธุรกิจประจำปี 2559 โดยกล่าวว่าในปี 2559 นี้ตั้งเป้าผลิตเบี้ยประกัน 2,500 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกผลิตผลงานได้แล้ว 558.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 66.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.42% และได้แบ่งสัดส่วนเบี้ยประกันภัยระหว่าง Motor และ Non Motor อยู่ที่ 75 ต่อ 25
ท้้งนี้ ปี 2559 เป็นต้นไปมีนโยบายที่จะเติมเต็มและพัฒนาธุรกิจประกันภัยรถใหญ่ ให้ครอบคลุมความเสี่ยงภัยให้กับผู้ประกอบการขนส่งในทุกกรณีที่ความเสี่ยงภัยนั้นอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำเนินธุรกิจที่อาจทำให้ถึงกับต้องปิดกิจการได้ โดยบริษัทได้จัดทำแพ็คเกจประกันภัยสำหรับกลุ่มรถบรรทุกที่ออกแบบความคุ้มครองไว้อย่างครบวงจร กล่าวคือนอกจากจะเป็นการรับประกันภัยเฉพาะการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับและภาคสมัครใจ ไม่ว่าจะทำประกันภัยประเภท 1 หรือประเภท 3 แล้วก็ตาม
ผู้เอาประกันภัยสามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้อีก 2 รูปแบบได้แก่การประกันภัยความรับผิดต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการขนส่ง ซึ่งจะให้ความคุ้มครองความรับผิดส่วนเกินจากกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ หรือเรียกว่า Top Up Liability Insurance โดยผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองได้ตามความเหมาะสมสูงสุดไม่เกิน 30,000,000 บาทต่อเหตุการณ์
“ตั้งแต่ปี 2559 นี้เป็นต้นไป ได้กำหนดแผนธุรกิจไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า บมจ.นำสินประกันภัยจะเป็นบริษัทประกันภัยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการประกันภัยของผู้ประกอบการขนส่งหรือโลจิสติกส์ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่อย่างครบวงจร “เพราะจากประสบการณ์ที่มีมากว่า 68 ปี จึงมั่นใจว่าทีมผู้บริหารและพนักงานจะสามารถแนะนำให้บริการรูปแบบความคุ้มครองด้วยกรมธรรม์ประเภทต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม และเหมาะสมกับผู้ประกอบการในแต่ละรายที่แตกต่างกัน” นายสมบุญ กล่าว
สำหรับในปี 2558 ที่ผ่านมาบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวมโดยตรง 2,005.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 1,715.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 289.82 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.90 % ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตเพียงร้อยละ 1.90 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 143.64 ล้านบาท จ่ายปันผลผู้ถือหุ้นหุ้นละ 9 บาท เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา
แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรับตรงจากประกันภัยรถยนต์ 1,518.37 ล้านบาท ประกันอัคคีภัย 34.23 ล้านบาท ประกันภัยขนส่งทางทะเล 19.90 ล้านบาท ประกันภัยอุบัติเหตุและอื่นๆ อีก 433.14 ล้านบาท โดยสัดส่วนเบี้ยประกันภัยระหว่าง Motor และ Non Motor จะอยู่ที่อัตราร้อยละ 76 ต่อ 24
“ผลงานในปีที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้จะไม่ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ก็พอใจที่ผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยฐานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งมาก ซึ่ง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 นำสินประกันภัยมีเงินกองทุนที่ใช้ได้ (TCA) 1,754.29 ล้านบาท และอัตราส่วนเงินกองทุนที่ใช้ได้ ต่อเงินกองทุนที่ต้องสำรองตามกฎหมาย (CAR) อยู่ที่ 767.75% หรือมากกว่าที่ คปภ.กำหนดไว้ถึง 5.48 เท่า” นายสมบุญ กล่าวเสริม
ทางด้าน นายเลิศชาย ประภาศิริรัตน์ รองกรรมการผู้อำนวยการ กล่าวเสริมด้วยว่าบริษัทยังได้พัฒนากรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจรับจ้างขนส่งสินค้า ซึ่งจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่เกิดจากความสูญเสียหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการขนส่งตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางด้วยกรมธรรม์ที่เรียกว่า กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดของผู้ประกอบการขนส่งหรือ Carrier Liability Insurance เพิ่มเติมจากกรมธรรม์ Top Up Liability Insurance ด้วยเช่นกัน
“ในหลายๆ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับสินค้าที่ขนส่ง เรามักจะพบว่าวงเงินจำกัดความรับผิดที่ได้จะทำประกันภัยไว้อาจไม่เพียงพอต่อความรับผิดต่อสินค้าที่ทำการขนส่ง ผู้เอาประกันภัยหรือผู้ประกอบการควรคำนึงถึงมูลค่าของสินค้าที่ทำการขนส่งว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด ซึ่งแพ็คเกจดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งสามารถมั่นใจว่าความเสี่ยงภัยที่ตนเองฝากไว้กับพนักงานขับรถจะได้รับความคุ้มครองอย่างเพียงพอ และไม่ทำให้ธุรกิจตนเองต้องสะดุดหยุดลงด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น” นายเลิศชายกล่าว
ปัจจุบันรถบรรทุกส่วนใหญ่เริ่มมีการขยายความคุ้มครองการใช้รถไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุดบริษัทได้เข้าร่วมโครงการรับประกันภัยรถข้ามแดนที่ด่าน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งเป็นด่านแรกที่ภาคเอกชนและภาครัฐร่วมกันจัดทำโครงการรับประกันภัยรถยนต์คุ้มครองแบบประเภท 3 รวม พ.ร.บ. ซึ่งเป็นแพ็คเกจเฉพาะพื้นที่ จังหวัดเชียงราย
นายเลิศชายชี้แจงถึงการให้บริการหลังการขยายนั้น บริษัทมีสาขาอยู่ 28 แห่งทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ บุคลากรของบริษัทได้รับการฝึกฝนและเสริมสร้างทักษะความรู้อย่างเพียงพอที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัย โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ติดแนวตะเข็บชายแดนทุกสาขาสามารถเคลื่อนที่เร็วเพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ขับขี่รถยนต์ในกรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ด้านแนวเขตชายแดนไทย กับสปป.ลาว บริษัทมีสาขาที่สามารถรองรับได้ถึง 5 สาขาประกอบด้วย สาขาเชียงราย, สาขาอุดรธานี, สาขานครพนม, สาขามุกดาหาร และสาขาอุบลราชธานี
ส่วนแนวตะเข็บชายแดนประเทศกัมพูชา มีสาขาระยอง, สาขาชลบุรี และสาขาพัทยา และเตรียมเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา คือสาขาจังหวัดสระแก้ว หรือที่อำเภออรัญประเทศ ส่วนแนวชายแดนด้านประเทศเมียนม่าร์ ปัจจุบันบริษัทมีสาขากาญจนบุรี, สาขาพิษณุโลก และสาขานครสวรรค์ รองรับอยู่ ซึ่งบริษัทมีแผนในการเปิดสาขาที่ อำเภอแม่สอด เพื่อรองรับการบริการต่อไป
ท้ายสุดนายเลิศชายกล่าวว่า บริษัทมีนโยบายขยายฐานตัวแทนและนายหน้าเพิ่มขึ้น โดยมอบนโยบายให้ผู้จัดการสาขาทั้ง 28 แห่งเป็นผู้จัดกิจกรรมสร้างตัวแทน ขณะเดียวกันได้ตั้งหน่วยงานพัฒนาคุณภาพตัวแทนให้มีศักยภาพในการทำตลาดท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็เชื่อมั่นว่าการติดอาวุธตัวแทนจะทำให้นำสินประกันภัยบรรลุเป้าหมาย 2,500 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน