สมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดปี 59 ฝ่าวิกฤติโต 2.2% แนะธุรกิจรอดต้องลดต้นทุน เน้นบริการ ใช้ดิจิทัลพัฒนาระบบประกันภัย

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวถึงทิศทางธุรกิจประกันภัยในปี 2559 ว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เช่นนี้ ภาค ธุรกิจจึงไม่ได้คาดหวังให้มีอัตราการเติบโตเหมือนที่ผ่านมา แต่ขอให้สามารถประคับประคองธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ เพราะจาก ผลประกอบการในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2559 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง จำนวน 34,572 ล้านบาท หดตัวลงร้อยละ 0.72

ดังนั้น สิ่งที่ภาคธุรกิจต้องคำนึงถึงในการบริหารธุรกิจให้อยู่รอดภายใต้สภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้คือ การควบคุมค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการดำเนินงาน มุ่งเน้นการพัฒนาระบบการให้บริการ พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการนำดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาระบบประกันภัย ทั้งการรับประกันภัยและการเคลมให้มากขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่าย รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยในปี 2559 สมาคมฯ คาดว่าจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 213,945 ลา้นบาท หรอืเติบโตที่ร้อยละ 2.2

สำหรับด้านการประกันภัยข้าวนาปี ปี 2558 สมาคมฯ โดย 7 บริษัทประกันภัยได้เข้าร่วมสนับสนุนโครงการประกันภัย ข้าวนาปีของภาครัฐเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเสียหายให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งผลการรับประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2558 นี้ มีเบี้ยประกันภัย จ านวนทั้งสิ้น 554,566,539.91 ล้านบาท พื้นที่รับประกันภัยจำนวนกว่า 1 ล้าน 5 แสนไร่ (ข้อมูล ณ วันที่ 27 เมษายน 2559) จากผลการรับประกันภัยดังกล่าว ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีที่จะสามารถขับเคลื่อนการประกันภัย ประเภทนี้ต่อไปได้อีก

ซึ่งในปี 2559 นี้มีบริษัทประกันภัยได้เข้าร่วมสนับสนุนโครงการประกันภัยข้าวนาปี เพิ่มขึ้นเป็น 15 บริษัท และกำหนดพื้นที่เป้าหมายในการรับประกันภัยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 25 ล้านไร่ ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี 2559 สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้ม ขยายตัวที่ร้อยละ 3.3 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.8-3.8) โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการลงทุนของภาครัฐและ ภาคเอกชนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการลงทุนยกระดับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ด้านการคมนาคมขนส่ง อย่างไรก็ดี ความผันผวนของราคาน้ ามันในตลาดโลก ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตร ยังคงตกต่ำ ซึ่งยังเป็นข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัย ปี 2558 ขยายตัวร้อยละ 1.90 มีเบี้ยประกันภัยรับ โดยตรงรวม 209,279 ล้านบาท ในปี 2558 ธุรกิจประกันวินาศภัยต้องฝ่าฟันกับ ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวมของ ธุรกิจประกันวินาศภัยของปี 2558 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 209,279 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.90 เมื่อเทียบกับช่วง เดียวกันของปีก่อน

สืบเนื่องจากการขยายตัวของการประกันภัยเบ็ดเตล็ด มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง จำนวน 73,027 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.74 ประกอบด้วย ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (3.21%) อุบัติเหตุส่วนบุคคล (6.45%) สุขภาพ (7.26%) และอากาศยาน พืชผลและอื่น ๆ (0.86%) จะเห็นได้ว่าการประกันภัยเบ็ดเตล็ดมีอัตราการขยายตัวที่ดีและน่าจะเป็นตัวที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้อีกต่อไป ขณะที่การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 5,343 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 0.74

ขณะที่การประกันอัคคีภัย มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 10,485 ล้านบาท หดตัวลงร้อยละ 5.21 สอดคล้องกับการ ลดลงของที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลในทุกประเภท ในปี 2558 การประกันภัยรถยนต์ มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 120,424 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.12 ปี 2558 มีปริมาณรถ ใหม่ที่จดทะเบียนตามกฎหมายตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2558 จำนวน 2,772,296 คัน ลดลงร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับปี 2557 ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ ปี 2558 ที่ลดลงร้อยละ 9 จำนวน 799,632 คัน

แม้ว่ายอดขายรถมี ปริมาณลดลงแต่การประกันภัยรถยนต์ยังคงมีการแข่งขันสูง ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ขอให้ผู้ประกอบการคำนึงถึงการบริหาร ต้นทุน ค่าใช้จ่ายและราคาเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม และให้ความสำคัญเรื่องของการบริการลูกค้ามากกว่าการแข่งขันด้าน ราคาเพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจ แม้ว่าในปี 2558 ธุรกิจประกันวินาศภัยยังคงมีอัตรา การเติบโตแต่ก็ยังมีอัตราการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยทุกประเภทการรับประกันภัยรวมกัน ร้อยละ 50.14 ต่อปี หรือมีมูลค่าสินไหมทดแทนที่จ่ายให้กับผู้เอาประกันภัย เป็นจำนวนเงิน 204 ล้านบาทต่อวัน