แบงก์ชาติเผยผลงานธนาคารพาณิชย์ ช่วงไตรมาสแรก 2559 การปล่อยสินเชื่อขยายตัวเพียงร้อยละ 3.3 แต่สินเชื่อรถยนต์ขยายต้วมากขึ้น แสดงถึงประชาชนเริ่มมีกำลังในการซื้อมากขึ้น แต่สินเชื่อบัตรเครดิตหดตัวลงเล็กน้อย
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ เปิดเผยผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 1 ปี 2559 ว่าระบบธนาคารพาณิชย์มีเสถียรภาพ มีเงินสำรอง เงินกองทุน และสภาพคล่องในระดับสูง สามารถรองรับการขยายตัวของสินเชื่อและสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้สินเชื่อขยายตัวชะลอลง คุณภาพสินเชื่อด้อยลง และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของระบบธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้า ประกอบกับธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังในการขยายสินเชื่อ ส่งผลให้สินเชื่อขยายตัวร้อยละ 3.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อชะลอลงมากในธุรกิจ SME ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ทรงตัว และสินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สินเชื่อธุรกิจ (ร้อยละ 68 ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวร้อยละ 1.5 ชะลอลงจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยหดตัวในภาคอุตสาหกรรมและพาณิชย์เป็นสำคัญ ขณะที่สินเชื่อธุรกิจในภาคบริการและภาคก่อสร้างขยายตัวเพิ่มขึ้น สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ทรงตัวที่ร้อยละ 0.2 ส่วนหนึ่งจากการชำระคืนหนี้ สำหรับสินเชื่อ SME ขยายตัวร้อยละ 2.5 ชะลอลงมากจากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 5.6
หลังจากที่มีการเร่งใช้สินเชื่อจากวงเงิน Soft loan ตามมาตรการรัฐในช่วงปลายปี สินเชื่ออุปโภคบริโภค (ร้อยละ 32 ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวร้อยละ 7.3 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก สิ้นปีก่อนที่ร้อยละ 7.1 จากสินเชื่อรถยนต์ที่กลับมาขยายตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ที่ร้อยละ 1.7 และสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สินเชื่อที่อยู่อาศัยทรงตัว
ทางด้าน สินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัวร้อยละ 5.4 ชะลอตัวต่อเนื่องจากสิ้นปีก่อนที่ร้อยละ 6.4 สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan : NPL) มียอดคงค้าง 357.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 19.9 พันล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วน Gross NPL ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.64 จากร้อยละ 2.55 สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention Loan : SM) มียอดคงค้างทั้งสิ้น 305.9 พันล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อน 8.2 พันล้านบาท ท าให้สัดส่วน SM ต่อสินเชื่อรวมลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.26 จากร้อยละ 2.38 ณ สิ้นปี2558
ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์มีการกันสำรองสำหรับสินเชื่อเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับคุณภาพสินเชื่อที่อาจด้อยลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยเงินสำรองของระบบธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น 24.1 พันล้านบาท เป็น 468.6 พันล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนเงินสำรองที่มีต่อเงินสำรองพึงกันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 160 จากสิ้นปี 2558 ที่ร้อยละ 156.3 ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรจากการดำเนินงาน 100.1 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 15.8 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากการบริหารต้นทุนเงินฝาก และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อาทิ เงินปันผล ค่าธรรมเนียมและบริการที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่มีกำไรสุทธิ 51.3 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการกันสำรองที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราผลตอบลทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Asset : ROA) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ร้อยละ 0.9 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.2 ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin : NIM) ทรงตัวที่ร้อยละ 2.6 ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,236.8 พันล้านบาท ลละมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 17.5