19 กรกฎาคม 2561 : นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2561 ว่า ธนาคารและบริษัทย่อยสามารถสร้างผลกำไรสุทธิเติบโตขึ้นถึง 14 ไตรมาสติดต่อกัน โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 3,821 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.11% จากไตรมาสก่อน หรือเพิ่มขึ้น 14.71% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน
ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อ SME การเติบโตของสินเชื่อดังกล่าวนำมาซึ่งการขยายตัวของฐานรายได้รวม ในขณะเดียวกันธนาคารและบริษัทย่อยยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆได้เป็นอย่างดี
ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานปรับตัวลดลง(Cost to Income Ratio อยู่ที่ 45.67%)และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองอยู่ในระดับต่ำ(Credit Cost อยู่ที่ 0.70%)ด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่ง โดยธนาคารและบริษัทย่อยมี NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำที่ 2.25% ในขณะที่เงินกองทุนยังอยู่ในระดับสูงที่ 18.83%”
นายสมเจตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การดำเนินกลยุทธ์ต่างๆของธนชาต เรายึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในเรื่องระบบ IT การพัฒนาบุคลากร การปรับโฉมการบริการด้านสาขา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม สร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าในการรับบริการด้านการเงินจากธนชาต ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธุรกิจหลักของเราเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง จึงทำให้เราสามารถสร้างความสำเร็จได้ต่อเนื่อง ซึ่งเราก็จะไม่หยุดพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ทำให้ธนาคารเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต”