18 กรกฎาคม 2561 : นายอานนท์ วังวสุ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวล่มใกล้เกาะเฮ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนเสียชีวิตรวมจำนวน 47 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ บริษัท T.C. Blue Dream จำกัด ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางสำหรับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ไว้กับบริษัทฯ จำนวน 2 กรมธรรม์ มีจำนวนผู้เอาประกันภัยรวม 94 คน และบริษัท เลซี่เคท ทราเวล จำกัด จำนวน 1 กรมธรรม์ ผู้เอาประกันภัยรวม 33 คน โดยกรมธรรม์ทั้ง 3 ฉบับ ให้ความคุ้มครองสำหรับกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจำนวน 1,000,000 บาทต่อคน
และกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจะได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามที่เกิดขึ้นจริงไม่เกิน 500,000 บาทต่อคน ซึ่งรายละเอียดและข้อยกเว้นความรับผิดจะเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์
สำหรับการบริหารจัดการด้านสินไหมทดแทนแก่ผู้ประสบภัยนั้น บริษัทฯ ยึดถือนโยบาย “ใจเขาใจเรา” ที่ปฏิบัติมาโดยตลอด พร้อมกับได้ดำเนินการตามแผนการบริหารจัดการสินไหมทดแทนในกรณีเกิดเหตุวิกฤต ซึ่งเป็นแผนงานที่ได้รับจากประสบการณ์การจัดการด้านสินไหมทดแทนจากภัยใหญ่ๆ ที่ผ่านมา แล้วมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและรวดเร็วในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัยที่ประสบภัย
โดยใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคปัจจุบันเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการและเพื่อการสื่อสารกับผู้ประสบภัย รวมถึงทายาทของผู้ประสบภัยที่อยู่ในประเทศจีน อาทิ อีเมล ไลน์ วีแชท เป็นต้น ซึ่งนับจากวันที่เกิดเหตุเรือล่มดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการทันที จนถึงปัจจุบัน ดังนี้
* การจัดสรรเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 ทีม ได้แก่ 1. ทีมเจ้าหน้าที่ของสาขาภูเก็ตได้เร่งเข้าไปดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลและเยี่ยมเยียนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทันที พร้อมประสานงานกับโรงพยาบาลและหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ และ2. ทีมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานใหญ่ทำหน้าที่ตรวจสอบรายชื่อและความคุ้มครองของผู้เอาประกันภัยทั้ง 3 กรมธรรม์ เพื่อการรับรองสิทธิในการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลในพื้นที่
* บริษัทฯ ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย เพื่อตรวจสอบรายชื่อ ผู้เอาประกันภัยที่ประสบภัย เพื่อดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลและการจ่ายค่าสินไหมทดแทนควบคู่กับการจ่ายเงินค่าเยียวยาของหน่วยงานภาครัฐ
* บริษัทฯ ได้มอบหมายให้ทีมงานสินไหมทดแทนที่มากด้วยประสบการณ์ในการบริหารจัดการเคลม ในเหตุวิกฤตจากภัยใหญ่ๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อตั้งจุดรับเอกสารและพร้อมจ่ายค่าสินไหมทดแทนทันทีที่ทายาทผู้ประสบภัยมายื่นเอกสารการเคลมครบถ้วน ได้แก่ สำเนาหนังสือเดินทางและทะเบียนบ้านของผู้เสียชีวิตและทายาทโดยตรง (บิดา มารดา สามี ภรรยา และบุตร ), จดหมายจากกงสุลเรื่องขออนุญาตให้ญาติของผู้เสียชีวิต รับศพและเอกสาร, ใบมรณบัตร, หนังสือตกลงยอมรับค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ ซึ่งได้แปลเป็นภาษาจีนเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการติดต่อสื่อสารกับญาติของผู้ประสบภัย โดยระบุบัญชีธนาคารของทายาทเพื่อใช้ในการโอนเงินค่าสินไหมทดแทน
* ทีมงานสินไหมทดแทนที่อยู่ในพื้นที่จ.ภูเก็ต ดำเนินการประสานงานด้านเอกสารการเคลมสินไหมทดแทนที่ครบถ้วนส่งให้แก่เจ้าหน้าที่ของสำนักงานใหญ่เพื่อทำการโอนเงินค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทของผู้ประสบภัยซึ่งอยู่ในประเทศจีนโดยเร็วที่สุด
สรุปภาพรวมการจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางสำหรับธุรกิจ
นำเที่ยวและมัคคุเทศก์ของบริษัทฯ จากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมเป็นเงินค่าสินไหมทดแทนทั้งสิ้น 48,048,319 บาท โดยแบ่งเป็น การจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทของผู้เสียชีวิตรวม 47 ราย เป็นเงิน 47,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรวม 35 คน เป็นเงิน 1,048,319 บาท โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมให้แก่ทายาทของผู้เสียชีวิตไปแล้ว 30 ราย ส่วนอีก 17 ราย บริษัทฯ อยู่ระหว่างการติดตามเอกสารการเคลมจากทายาทเพื่อทำการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้อย่างเร่งด่วนต่อไป
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแสดงความเสียใจแก่ญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้มา ณ ที่นี้อีกครั้ง และขอยืนยันถึงจุดยืนในการให้บริการแก่ลูกค้าด้วยความซื่อสัตย์และยุติธรรม พร้อมให้ความสำคัญกับความรวดเร็วในการให้บริการทั้งด้านรับประกันภัยและการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ตามนโยบาย “ใจเขาใจเรา” คือสิ่งที่ยึดมั่นมาโดยตลอด บริษัทฯ มั่นใจว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าของเรา รวมถึงผู้ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยต่อไป