16 กรกฎาคม 2561 : ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (16-20 ก.ค.) ว่าความกังวลต่อเรื่องสงครามการค้าแม้ว่าจะยังไม่มีความชัดเจนของทั้งสองฝ่ายมากนักแต่ประเมินว่าสหรัฐฯ-จีน น่าจะพยายามเจรจามากกว่าที่จะเปิดสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบ แรงซื้อหุ้นจึงยังกลับเข้ามาไม่จริงจังนัก ตลาดมีแนวโน้มเดินหน้าต่อแบบค่อยเป็นค่อยไป
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ เป็นอีกปัจจัยที่จะกดดันตลาดสัปดาห์นี้ จากการคาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตนอกกลุ่ม OPEC จะค่อยๆเพิ่มขึ้น (ปีหน้า +2.1 ล้านบาร์เรล/วัน) โดยในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC เพิ่มขึ้น 1.7 แสนบาร์เรล/วัน แต่จะเป็นผลบวกต่อผู้ใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบ เช่น กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ปิโตรเคมีขั้นต้น สายการบิน เป็นต้น
ส่วนปัจจัยในประเทศ รัฐบาลเริ่มประกาศนโยบายเร่งลงทุนและใช้จ่ายสัปดาห์ก่อน รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย (คืน VAT บัตรคนจน) และผลบวกหากมีการประกาศวันเลือกตั้งในเร็วนี้ จะเป็นแรงหนุนต่อการลงทุนทั้งการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในภาคอุตสาหกรรมและ EEC ด้านการลงทุนในโครงการต่างๆ จะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมฯ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ KTBST มีมุมมองในทางบวกมากขึ้นจากท่าทีของสหรัฐฯ-จีน แต่ผลกระทบจากนโยบายการค้าที่เริ่มปรากฎว่าเป็นลบต่อการค้าระหว่างประเทศ-ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ จะทำให้ดัชนีฯขึ้นได้ก็ไม่ไกลนัก และน่าเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway up
หุ้นที่ราคาลงไปลึกในช่วงก่อนหน้านี้จะเป็นตัวช่วยหนุนตลาดรวมถึงแรงขายนักลงทุนต่างประเทศที่เบาลง ส่วนประเด็นๆ คือ ทิศทางราคาน้ำมันดิบ รายงานกำไรหุ้นธนาคารและการตัดสินใจว่าจะใช้มาตรฐาน IFRS9 หรือไม่ มีผลบวก ลบ ต่อหุ้นธนาคารโดยตรง และรายงานยอดขายรถและตัวเลขส่งออกของไทย ช่วงปลายสัปดาห์
ดังนั้นการลงทุนในสัปดาห์นี้ ควรเน้นหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ที่ขยับตามตลาด ประกอบด้วย IVL, CPF, WHA , MTC และหุ้นที่ราคาลงมาลึกและพร้อมจะดีดกลับ หรือสะท้อนข่าวลบไปมาก ประกอบด้วย HANA, TVO, EPG, PSL คาดกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้ 1,630-1,660 จุด