2 กรกฎาคม 2561 : ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (2-6 ก.ค.) ว่า ตลาดหุ้นเกือบทั่วโลกถูกกดดันด้วยแรงขายนักลงทุนต่างประเทศ รวมถึงตลาดของไทยเดือน มิ.ย. ดัชนีฯปิดลดลงถึง 7.6% และมีแรงขายไปอีก 4.9 หมื่นล้านบาท เป็นการขาย 9 เดือนติดต่อกันรวมแล้ว 2.1 แสนล้านบาท
เนื่องด้วยตัวแปรสำคัญ คือ เรื่องดอกเบี้ยสหรัฐฯและความกังวลต่อสงครามการค้าที่เป็นตัวเร่งให้ขายมากขึ้น ซึ่งหาก 2 ตัวปัจจัยนี้สะท้อนไปที่ตลาดมากพอแล้วคาดว่าแรงขายจะลดลง หากไม่มีข่าวลบเพิ่มเข้ามาอีกตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มฟื้นจะส่งผลบวกมาถึงตลาดไทยในช่วงสั้นๆ
โดยประเด็นเรื่องสงครามการค้า ถือเป็นปัจจัยที่ชี้ทิศทางตลาดหากสถานการณ์มีเหตุที่ทำให้นักลงทุนลดความกังวลตลาดจะกลับมาเป็นบวกได้ ล่าสุดแคนาดาประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าสหรัฐวงเงิน 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์ มีผล 1 ก.ค. และสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะผ่อนปรนนโยบายจำกัดการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ด้านราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแม้จะเป็นบวกต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมันแต่กลับเป็นลบต่อหุ้นปิโตรเคมี ราคาน้ำมันดิบที่สูงเกินปกติเช่นในเวลานี้จะหนุนเงินเฟ้อและเป็นลบต่อตลาดและหุ้นอื่นๆที่ใช้น้ำมันจึงไม่เป็นผลดีต่อตลาดโดยรวม.
ดังนั้นทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ ต้องจับตาดู วันที่ 6 ก.ค. ซึ่งจะเป็นวันที่ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ-จีนมีผลบังคับใช้ จะมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหรือหลังจากนั้นหรือไม่ รวมทั้ง แรงซื้อในตลาดหุ้นต่างประเทศจะกลับเข้ามาหรือไม่ ดัชนีฯ จึงน่าจะมีความผันผวนมากพอควรในสัปดาห์นี้ รวมทั้งยังต้องติดตามเรื่องราคาน้ำมันดิบ รายงานประชุม FOMC และตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ในวันที่ 6 ก.ค.
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ ด้วยความไม่แน่นอนทิศทางตลาด จึงยังแนะนำให้ลดน้ำหนักหุ้นที่เสี่ยงต่อการถูกขายหรือขาดปัจจัยหนุน แต่เป็นจังหวะในการเข้าเก็บหุ้นที่คาดว่าจะสวนตลาดหรือขึ้นพร้อมตลาดได้ ซึ่งในสัปดาห์จะเน้นหุ้นที่เป็น Domestic Play และหุ้นที่มีความปลอดภัย หรือ defensive ได้แก่ BBL , PTTEP , BDMS , SSP , KCE, LH และหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมาจนน่าสนใจ เช่น INTUCH , SPRC, DTAC , SCC คาดกรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้ที่ 1,563-1,620 จุด