26 มิถุนายน 2561 : ซินดี้ กัว ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันเดย์ อินส์ จำกัด เปิดเผยว่า “ซันเดย์ เป็นดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ให้บริการประกันภัยรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเป็นอินชัวร์เทค (InsurTech) หรือบริษัทที่นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมายกระดับการให้บริการด้านประกันภัยที่สะดวก และเป็นมิตรกับผู้ใช้ซึ่งแตกต่างจากประสบการณ์ที่ลูกค้าได้จากประกันภัยแบบเดิมโดยการใช้เทคโนโลยีอย่างเช่น AI (Artificial Intelligence) และ Machine Learning
พร้อมทั้งดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ทันสมัย เพื่อทำให้ประกันภัยเข้าถึงง่าย และมีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับไลฟ์ไสตล์ยุคดิจิตอล โดยปัจจุบันผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปแบบการประกันภัยแบบปัจจุบัน ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม
ประกอบกับธุรกิจปัจจุบันต้องเร่งปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอลทรานส์ฟอร์มเมชัน (Digital Transformation) ที่ต้องนำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาใช้เจาะตลาดลูกค้า ทำให้เราเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการสร้างความแตกต่างในธุรกิจประกันภัย
เทคโนโลยีที่ทันสมัยคือจุดแข็งของซันเดย์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัยที่เหนือกว่า อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่น และตอบโจทย์ความต้องการทั้งแบบเฉพาะบุคคล หรือองค์กรธุรกิจได้อย่างลงตัว แพลตฟอร์มของซันเดย์สร้างขึ้นโดยยึดลูกค้าเป็นหลัก โดยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึกและฐานข้อมูลสถิติด้านอื่นๆ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั้งรายย่อย และลูกค้าองค์กร (Corporate Clients)
“ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าประมาณ 2 แสนราย ตั้งเป้าเติบโตอีก 30% ต่อเดือน หรือเติบโตแบบดับเบิ้ลภายในปีนี้ ซึ่งบริษัทประกันภัยที่เป็นพันธมิตรก็คือ บมจ.เคเอสเค ประกันภัย ที่มีวิสัยทัศน์ในการทำ Insurance Tech ร่วมกันในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่และเปลี่ยนแปลงวงการประกันภัย”
สำหรับรายได้หลักของซันเดย์ มาจากพาร์ทเนอร์ และมีเป้าหมายที่จะขยายไปยังกลุ่ม SME ที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของธุรกิจได้มากขึ้น โดยขณะนี้ทำตลาดในประเทศไทยเป็นหลัก แต่ในอนาคตมองว่าจะขยายออกไปยังประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นลำดับต่อไป
ซันเดย์ได้เลือกใช้โซลูชั่นจาก อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services) หรือ AWS ซึ่งเป็นผู้นำการให้บริการระบบ Cloud Computing นอกจากนี้ซันเดย์ยังได้มีการนำเทคโนโลยี Machine Learning มาช่วยประมวลผลบน AWS Cloud Services ผสานกับแนวคิดการบริการประกันภัยที่ล้ำสมัย ทำให้ซันเดย์เป็นผู้นำทางตลาด InsurTech และยังเป็น InsurTech รายแรกในไทย
การผสานเทคโนโลยี AWS Cloud Computing และ Machine Learning ช่วยทำให้ซันเดย์สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นเว็บไซด์ หรือแอพพลิเคชั่น เมื่อลูกค้าใส่ข้อมูลเข้ามาในระบบ ระบบจะทำการประมวลผลข้อมูลหลายล้านหน่วยที่จัดเก็บบน AWS ในทันที เพื่อทำการคำนวณเบี้ยประกันที่เหมาะสมตามความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย
นอกจากนี้ ระบบของซันเดย์ยังสามารถรองรับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์จำนวนหลายหมื่นรายได้พร้อมกัน ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ลูกค้าได้รับข้อเสนอในราคาที่ดีกว่าประกันภัยแบบเดิมๆถึง 20% และยังสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความสร้างสรรค์สำหรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกค้าได้ อาทิ ประกันการเดินทางที่จ่ายชดเชยกรณีความล่าช้าของสายการบินแบบเรียลไทม์ (Flight Delay)
ซันเดย์เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลทางสภาพอากาศ และการบิน ทำให้สามารถจ่ายค่าชดเชยให้ลูกค้าได้ทันทีที่มีการล่าช้าตามเงื่อนไขที่กำหนด, บริการประกันสุขภาพรายเดือน หรือบริการประกันภัยการเดินทางขนาดย่อย (Micro Travel Insurance) ที่คิดเบี้ยประกันตามวันเวลาที่มีการเดินทางและประเทศที่ไป ซึ่งซันเดย์เป็นรายแรกที่สามารถเสนอความคุ้มครองแบบดังกล่าว ที่กล่าวมานี้ล้วนเกิดจากความสามารถของเทคโนโลยี AWS Cloud Computing และระบบ Machine Learning ในการคำนวณข้อมูลและรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะที่สามารถขยายและพัฒนาธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ซึ่งเราต้องการจะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ นอกเหนือไปจากลูกค้าทั่วไป โดยซันเดย์มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ช่วยสนับสนุนธุรกิจของพันธมิตรให้เติบโต และเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการ ด้วยการมอบบริการประกันภัยที่ดีและคุ้มค่าให้ลูกค้าของพันธมิตรธุรกิจ โดยที่ผ่านมามีองค์ธุรกิจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับซันเดย์ และนำบริการประกันภัยรูปแบบใหม่ของซันเดย์ไปใช้ในธุรกิจแล้วหลายแหล่ง อาทิ แกร็บ (Grab) และดีแทค (Dtac)
นอกจากนี้ ซันเดย์ยังวางแผนจะขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจาก Cloud Service ทำให้ซันเดย์ไม่ต้องลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไอทีในตลาดใหม่ ส่งผลให้ซันเดย์กลายเป็นบริษัท Asset-Light ที่สามารถลดต้นทุนการผลิต และเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็ว อันจะเห็นได้จากฐานลูกค้าภายใน 1 ปีที่เราเริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2560 มีจำนวนผู้ใช้บริการแล้วกว่า 200,000 ราย และ มียอดขายเติบโตถึงกว่า 30% ต่อเดือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซันเดย์ อินส์ กล่าวเสริม
ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซันเดย์ อินส์ ซึ่งถือเป็นสตาร์ทอัพหน้าใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ที่ทันสมัย และมีทิศทางการดำเนินธุรกิจในแนวทางเดียวกัน คือ การพัฒนานวัตกรรมดิจิตอล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด ผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์มที่เข้าถึงง่าย ใช้งานสะดวก
ซึ่งระบบ AWS Cloud Computing นั้นถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นตามลักษณะการใช้งานของลูกค้า มีความปลอดภัย และมีเสถียรภาพ ซึ่งบริการที่ทางซันเดย์ใช้งานมีอยู่หลายตัวด้วยกันเช่น Amazon Elastic Compute Cloud (Amazon EC2), Amazon Relational Database Service (Amazon RDS) และ AWS Lambda
AWS มีความคาดหวังว่าการประกันของไทยจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากกว่าเดิม เช่นการประกันรถยนต์ จะทำอย่างไรให้ลูกค้ามีสิทธิเลือกสินค้า ไม่ใช่ถูกจับโยนเข้าไปในกลุ่มเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วพฤติกรรมการขับขี่ หรือการใช้รถแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง