19 มิถุนายน 2561 : นายกัมพล จันทวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า จากที่ธนาคารไทยพาณิชย์ในฐานะแบงก์แม่ได้เดินหน้าปรับทัพองค์กรรองรับกระแสดิจิทัลขับเคลื่อนแบงก์สู่แพลตฟอร์มที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญก็คือการนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ให้กับลูกค้า
การใช้เทคโนโลยีที่ดีขึ้นจะช่วยให้ลูกค้าได้รับการบริการและข้อมูลได้ตรงตามความต้องการในเวลาที่ต้องการ ทำให้มีโอกาสจะสร้างผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า โดย บล.ไทยพาณิชย์ เป็นหนึ่งในช่องทางที่สำคัญที่สนับสนุนกลยุทธ์ในการสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้า
เนื่องจากมีใบอนุญาตที่ครบถ้วนรวมถึงมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ดังนั้น การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการให้คำแนะนำ จะช่วยเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ และหลากหลายตลาดทั่วโลกได้ง่ายขึ้น เป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุนให้กับนักลงทุน
นอกจากนี้ บล. ไทยพาณิชย์ ยังมุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทุกด้าน โดยจะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า มุ่งสู่เป้าหมายของการเป็น “บริษัทหลักทรัพย์ที่น่าชื่นชมที่สุด (The Most Admired Broker)” โดยจะมุ่งพัฒนาบุคลากร กระบวนการให้คำแนะนำ รวมถึงระบบออนไลน์ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะให้คำแนะนำที่ตรงกับลูกค้าในเวลาที่ลูกค้าต้องการ ด้วยแพลตฟอร์มใหม่ด้านการลงทุน ชื่อว่า “EASY INVEST” รวมทุกผลิตภัณฑ์บนจอเดียว
เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเชื่อมต่อการลงทุนได้ทุกรูปแบบ ทั้งในหุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ, Mutual Fund, Derivative, Bond, Algo Trading, Robo Advisor และอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์ ผ่านช่องทางเดียว เป็นการรวมพอร์ตการลงทุนไว้ที่เดียวสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ลงทุนมากขึ้น
รวมถึงการพัฒนาบทวิจัยและนำส่งบทวิจัยและคำแนะนำให้กับนักลงทุนแต่ละรายให้เหมาะสมกับพอร์ตการลงทุน ซึ่งในปีนี้บริษัทเน้นเจาะฐานลูกค้าผู้มีรายได้มั่งคั่ง (Wealth) ที่ยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก โดยตั้งเป้ามีฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 2 แสนบัญชีภายในปีนี้ จากปัจจุบัน 1 แสนบัญชี
จากการเพิ่มผลิตภัณฑ์มากขึ้น ทำให้บริษัทสามารถสร้างสมดุลสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ปัจจุบันที่ 65% และธุรกิจอื่นๆ 35% ให้อยู่ในระดับ 50:50 โดยจะมุ่งเน้นพัฒนาการให้บริการด้านอื่นๆ มากขึ้น ทั้งการให้บริการซื้อขายตราสารหนี้ การลงทุนในต่างประเทศ การให้บริการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิ์อนุพันธ์ โดยปัจจุบันบริษัทก้าวขึ้นสู่เป็นผู้ออก DW ที่ครอบคลุมหุ้นอ้างอิงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะเชื่อว่าในระยะยาวการใช้งานผ่านช่องทางนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะนี้บริษัทได้เปิดให้บริการรับฝากตราสารหนี้ (BOND) ในระบบ Scriptless ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้มีความปลอดภัย ไม่ต้องกลัวใบตราสารหนี้สูญหาย อีกทั้งมีบริการแจ้งดอกเบี้ยที่จะเข้าบัญชีล่วงหน้ารวมถึงตราสารหนี้ที่จะครบกำหนดในแต่ละเดือน พร้อมบทวิเคราะห์แบบมืออาชีพ บริการดังกล่าวเป็นบริการ ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ตั้งแต่เริ่มให้บริการมา 3 เดือนมีผู้ลงทุนนำตราสารหนี้มาฝากมากกว่า 5 พันล้านบาท และน่าจะเกิน 1 หมื่นล้านบาทก่อนสิ้นปี
นอกจากนี้ บริษัทยังปรับปรุงบริการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ (FOREIGN INVESTMENT) เพื่อให้นักลงทุนสามารถซื้อหุ้นต่างประเทศได้มากกว่า 25 ประเทศทั่วโลก โดยมีผู้แนะนำการลงทุนหุ้นต่างประเทศพร้อมบทวิเคราะห์บริษัทชั้นนำระดับโลกจาก Morningstar พร้อมด้วยค่าธรรมเนียมถูกที่สุดในตลาดเทียบเท่ากับการซื้อขายหุ้นไทย ไม่มีขั้นต่ำ ไม่กำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ อีกทั้ง ฟรีค่าธรรมเนียมในการโอนเงินเพื่อเข้าไปซื้อหุ้นต่างประเทศ อีกด้วย