17 มิถุนายน 2561 : นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) คาดว่ายอดขายช่วงครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่ราว 5.5-5.6 พันล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี 61 ที่ระดับ 1.03 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัททำยอดขายได้แล้ว 5 พันล้านบาท จากการเปิดขาย 4 โครงการใหม่และยอดขายโครงการเดิมที่มีอยู่
ขณะที่ล่าสุดบริษัทเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ “นิช โมโน ติวานนท์” มูลค่ากว่า 1.4 พันล้านบาท จำนวน 526 ยูนิต ห่างจากสถานี MRT สายสีม่วง สถานีกระทรวงสาธารณสุข เพียง 50 เมตร ราคาขายเฉลี่ย 96,000 บาท/ตารางเมตร หรือราคาขายเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท โดยโครงการได้ผ่านการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) มีกำหนดเริ่มก่อสร้างภายในปี 61 แล้วเสร็จปี 63 และเริ่มเปิดขายพรีเซลในช่วงเดือนส.ค.นี้
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายโครงการดังกล่าวถึงสิ้นปีนี้ 60-70% จากความมั่นใจด้านทำเลที่ตั้งของโครงการที่ใกล้กับสถานี MRT และยอดขายโครงการในทำเลย่านติวานนท์มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น จากจำนวนยูนิตที่ขายได้เพิ่มเป็น 1,000 ยูนิตในปัจจุบัน จากปีก่อนที่ขายได้ 400-500 ยูนิต หลังเปิดการเชื่อมต่อสถานีเตาปูนกับสถานีบางซื่อ
ขณะที่จำนวนซัพพลายใหม่ในทำเลดังกล่าวยังออกมาไม่มาก แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการรายอื่นครอบครองที่ดินบางแปลงในทำเลติวานนท์อยู่ แต่คาดว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการใหม่ขึ้นมาในช่วงปลายปี 61-ปี 62 แสดงให้เห็นว่าทำเลย่านติวานนท์ยังมีทิศทางการเติบโตที่ดีอยู่
ส่วนครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดอีก 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 10 โครงการ โดยในส่วนของการร่วมทุนกับฮันคิว เรียลตี้ พันธมิตรจากญี่ปุ่น ในปีนี้จะพัฒนาอย่างน้อย 4 โครงการ โดยที่บริษัทได้เซ็นสัญญาการร่วมกันพัฒนาโครงการกับพันธมิตรญี่ปุ่น 3 โครงการที่จะพัฒนาภายในปีนี้แน่นอน และจะเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 4 โครงการ ที่จะพัฒนาในปีนี้บางส่วนนและปีต่อ ๆไป รวมโครงการที่จะพัฒนากับพันธมิตรญี่ปุ่นที่เซ็นสัญญาจะพัฒนาร่วมกันในสิ้นปีนี้ทั้งสิ้น 7 โครงการ
ด้านรายได้ในปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 6.2 พันล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 5.9 พันล้านบาท และรายได้จากธุรกิจโซลาร์ จำนวน 300 ล้านบาท โดยที่รายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งภาพรวมของกำลังซื้อของประชาชนเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ ขณะเดียวกันทิศทางของอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ และยังไม่มีแนวโน้มจะปรับขึ้น
ส่วนมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ 6.78 พันล้านบาท จะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลังราว 2.4 พันล้านบาท และรับรู้ไปจนถึงปี 62 โดย Backlog ส่วนใหญ่จะโอนเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/61 ซึ่งมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่จำนวน 4 โครงการเริ่มโอน และงบซื้อที่ดินไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันได้ไช้ไปแล้ว 3-4 พันล้านบาท