8 มิถุนายน 2561 : นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า จากปัญหาการยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิต เนื่องจากผู้เอาประกันภัยเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ และไม่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยได้นั้น
สมาคมประกันชีวิตไทยขอแนะนำผู้เอาประกันภัยพิจารณารูปแบบประกันชีวิตให้เหมาะสม ตรงกับความต้องการและความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัยของตนเองในระยะยาวเป็นสำคัญ เพื่อให้กรมธรรม์ประกันชีวิตมีผลบังคับ สามารถบรรลุเป้าหมายของการทำประกันชีวิตได้จนสิ้นสุดสัญญา
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งของการยกเลิกกรมธรรม์ อาจมาจากการถูกตัวแทนประกันชีวิตบางส่วนที่ย้ายต้นสังกัดชักชวน หรือแนะนำให้ยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตฉบับเดิม เพื่อมาทำกรมธรรม์ประกันชีวิตฉบับใหม่กับบริษัทใหม่ ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณของตัวแทนประกันชีวิต และทำให้ผู้เอาประกันภัยเสียผลประโยชน์ เพราะจะทำให้เสียโอกาสในเรื่องความคุ้มครองตามที่ตัวเองตั้งใจไว้ และอาจได้รับเงินค่าเวรคืนกรมธรรม์ประกันภัยน้อยกว่าเงินค่าเบี้ยประกันภัยที่ชำระไป
เนื่องจากบริษัทประกันชีวิต มีค่าใช้จ่ายในส่วนของความคุ้มครองสำหรับระยะเวลาที่ผ่านมา ร่วมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่างๆ นอกจากนี้ ในการทำกรมธรรม์ฉบับใหม่ ผู้เอาประกันภัยจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยสูงเมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับเหมือนเดิม เพราะการซื้อประกันชีวิตฉบับใหม่ บริษัทประกันชีวิตจะคิดคำนวนค่าเบี้ยประกันภัยตามอายุปัจจุบันที่มากขึ้น รวมถึงค่าความเสี่ยงภัยจากสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยจะต้องแถลงข้อความจริงเกี่ยวกับสุขภาพต่อบริษัทประกันชีวิตแห่งใหม่ด้วย ซึ่งหากผู้ขอเอาประกันภัยมีปัญหาสุขภาพ บริษัทอาจใช้สิทธิปฏิเสธไม่รับประกันได้ ถือได้ว่าเป็นผลเสียแก่ผู้เอาประกันภัย อีกทั้งยังทำให้ผู้เอาประกันภัยเสียโอกาสที่จะได้รับความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากกรมธรรม์เดิม
นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีตัวแทนประกันชีวิตมาชักชวนให้ยกเลิกกรมธรรม์ประกันชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา ขอให้ผู้เอาประกันภัยพิจารณาให้รอบครอบและตรวจสอบรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน หรืออาจขอรับคำปรึกษาได้ที่สำนักงาน คปภ.และสมาคมประกันชีวิตไทย เพื่อไม่ให้เสียสิทธิประโยชน์ที่พึงจะได้รับไปอย่างน่าเสียดาย และสำหรับตัวแทนประกันชีวิตที่ชักชวนให้ผู้เอาประกันภัยยกเลิกกรมธรรม์
การกระทำดังกล่าวนอกจากจะผิดจรรยาบรรณการเป็นตัวแทนประกันชีวิตแล้ว ยังเป็นความผิดตามประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการออก การเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยและการปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิตและธนาคาร พ.ศ.2551 ซึ่งมีบทลงโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต