9 พฤษภาคม 2561 : นายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนและขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ด้วยการนำความเชี่ยวชาญในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ
มาช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการสัมมนาการรับฟังความคิดเห็น (Market Sounding) จากภาคเอกชนที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน งานระบบสาธารณูปโภค งานบริหารจัดการท่าเรืออุตสาหกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ
ตลอดจนบริษัทรับเหมาก่อสร้าง สถาบันการเงิน บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและกฎหมาย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการสัมมนา
“ภายหลังจากการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนพบว่า มีกลุ่มธุรกิจที่ให้ความสนใจในการลงทุน 3 ประเภท คือ กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจพลังงานรวมถึงปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจท่าเรือของเหลว และกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจสายการเดินเรือของเหลว” นายอัฐพล กล่าว
กนอ.และได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาจัดทำรูปแบบในการลงทุนในโครงการดังกล่าว โดยมีหลักการสำคัญคือ ต้องเป็นรูปแบบที่มีผลตอบแทนทางการเงินที่เหมาะสมทั้งต่อ กนอ.และภาคเอกชน คือ ไม่เกิดภาระทางการคลัง หรือ เกินความสามารถในการลงทุนของภาคเอกชน และมีผลตอบแทนทางการเงินที่เหมาะสม
ซึ่งแบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบที่ 1) กนอ.เป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด มูลค่าประมาณ 12,900 ล้านบาท และเอกชนลงทุนการก่อสร้างท่าเทียบเรือบนพื้นที่ถมทะเล มูลค่าประมาณ 39,300 ล้านบาท จำแนกเป็นท่าเทียบเรือของเหลว ท่าเทียบเรือก๊าซ และพื้นที่เช่า (150 ไร่) กับรูปแบบที่ 2) เอกชนเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และ ท่าเทียบเรือบนพื้นที่ถมทะเลทั้งหมด
ปรากฎว่า เอกชนให้ความสนใจร่วมลงทุนในทั้ง 2 รูปแบบ กนอ.จะนำมาพิจารณา และจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องและสามารถตอบสนองแรงจูงใจของภาคเอกชนในการลงทุน และจะต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ
“คาดว่าการศึกษาและวิเคราะห์โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2561 พร้อมประกาศเชิญชวนเอกชนได้ภายในเดือนสิงหาคม 2561 โดยเอกชนที่สนใจลงทุน/ร่วมลงทุนยื่นข้อเสนอภายในเดือนตุลาคม 2561 และจะลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกภายในเดือนธันวาคม 2561” นายอัฐพล กล่าว