30 เมษายน 2561 : ดร.อภิชัย สมบูรณ์ปกรณ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในความก้าวหน้าของโครงการสมาร์ทวีซ่า เพราะประเทศไทยต้องการเป็น ศูนย์กลางของสตาร์ทอัพในภูมิภาคอาเซียน (Startup Hub of Southeast Asia) ต้องการดึงดูดบริษัทสตาร์ทอัพ (Startup Tech Company) และ บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถสูง (Talent) ซึ่งสมาร์ทวีซ่าจะเป็นปัจจัยและแรงจูงใจสำคัญที่จะทำให้บุคลากรชั้นนำด้านเทคโนโลยี (Tech Talent) ต่างๆมาเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทย
นอกจากนี้ ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการส่งเสริมการลงทุนและดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถสูงเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยเฉพาะใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และผลักดันประเทศไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ในวงกว้างต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีแนวทางในการส่งเสริมโครงการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล โดยสนับสนุนการให้สิทธิและประโยชน์ในการลงทุน การวิจัยและพัฒนาการส่งเสริมนวัตกรรม ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรเฉพาะด้านของกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นที่มาของ โครงการวีซ่าประเภทพิเศษ (SMART Visa)
วีซ่า ทั้ง 4 ประเภท ได้แก่ 1. SMART “T” (Talents) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2. SMART “I” (Investors) ลงทุนในบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐานในการทำธุรกิจและอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 3. SMART “E” (Executives) ผู้บริหารระดับสูงที่ทำงานในบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐานในการทำธุรกิจและอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และ 4. SMART “S” (Startups) กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น ทั้งนี้ บีโอไอ มั่นใจว่า โครงการสมาร์ท
วีซ่า จะช่วยผลักดันให้เกิดการสร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ และนวัตกรรมที่สนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศสู่ “ประเทศไทย 4.0”