20 เมษายน 2561 : นายกิตติพนัธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2561 มีกำไรสุทธิ 168.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.3
สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานร้อยละ 8.1 และการลดลงของสำรองหนี้สงสัยจะสูญร้อยละ 4.5 สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานร้อยละ 10.6 เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานงวดสามเดือนปี 2561 และ 2560
รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปี 2560 จำนวน 252.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.1 เป็นจำนวน 3,382.2 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 132.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.4 และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 47.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.1 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันภัย ธุรกรรมเช่าซื้อและค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน
รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 72.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 30.1 เนื่องมาจากกำไรจากการจำหน่ายหลักทรัพย์เผื่อขาย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนปี 2561 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2560 เพิ่มขึ้นจำนวน 186.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.6
สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับทรัพย์สินรอการขาย และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน สุทธิกับการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่และอุปกรณ์ เป็นผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานงวดสามเดือนปี 2561 อยู่ที่ร้อยละ 57.2 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 55.8
อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) สำหรับงวดสามเดือนปี 2561 อยู่ที่ร้อยละ 3.98 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 3.77 เป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
วันที่ 31 มีนาคม 2561 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 213.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) 219.4 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.3 จากสิ้นปี 2560 ซึ่งมีจำนวน 220.1 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the ModifiedLoan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 97.4 จากร้อยละ 96.8 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 11.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ร้อยละ 5.2 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 อยู่ที่ร้อยละ 4.8 เป็นผลจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2560
อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 อยู่ที่ร้อยละ 92.3 ลดลงจากสิ้นปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 93.2 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 เงินสำรองของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 10.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 4.0 พันล้านบาท
เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 31 มีนาคม 2561 มีจำนวน 40.7 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 16.4 โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 12.4