19 เมษายน 2561 : กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/2561 ที่แข็งแกร่งจำนวน 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากช่วงเดียวกัน ของปีก่อน ปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1/2561 มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม รวมทั้งการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญในไตรมาส 1/2561
* กำไรสุทธิ: จำนวน 6.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% จากไตรมาส 4/2560 และเพิ่มขึ้น 10.1% จากไตรมาส 1/2560
* เงินให้สินเชื่อ: เพิ่มขึ้น 1.5% คิดเป็นจำนวน 22.6 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560การเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อในไตรมาส 1/2561 มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อบรรษัทญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ขณะที่บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบรรษัทไทยปรับลดลงตามปัจจัยด้านฤดูกาลของการชำระคืนเงินให้สินเชื่อ
* การเติบโตของเงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 3.8% หรือจำนวน 50.2 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากประจำและออมทรัพย์
* ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ 3.67% ปรับลดลงจาก 3.81% ในไตรมาส 4/2560 สะท้อนถึงการปรับสัดส่วนของพอร์ตสินทรัพย์
* รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย: เพิ่มขึ้น 15.5% หรือจำนวน 1.19 พันล้านบาทจากไตรมาส 1/2560 ปัจจัยหลัก มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง กองทุน และธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเช่าซื้อ และค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบัตร กำไรจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศและรายได้หนี้สูญรับคืน
* อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: อยู่ที่ 46.1% ปรับตัวดีขึ้นจาก 49.7% ในไตรมาส 4/2560
* สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs): อยู่ที่ระดับแข็งแกร่งที่สุดที่ 1.96% ปรับลดลงจาก 2.05% ในเดือนธันวาคม 2560
* อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: ปรับตัวดีขึ้นมากที่ 157.0% จาก 148.4% ณ สิ้นปี 2560
* อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ที่ 15.61% เทียบกับ 15.65% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสแรกของปี 2561 เป็นที่น่าพอใจ ด้วยกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งจำนวน 6.2 พันล้านบาท เติบโต 9.4% จากไตรมาส 4/2560 และ 10.1% จากไตรมาส 1/2560 แม้ว่าได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านฤดูกาลของการชำระคืนเงินให้สินเชื่อแต่กรุงศรียังสามารถส่งมอบสถิติกำไรสุทธิรายไตรมาสที่โดดเด่น”
“ปัจจัยขับเคลื่อนหลักสำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/2561 มาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงานและการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันและโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ที่สมดุลของกรุงศรี รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.96% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย” นายโกโตะกล่าวเพิ่มเติม
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2561 นายโกโตะกล่าวว่า “แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าเศรษฐกิจยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ด้วยแรงสนับสนุนจากการเติบโตต่อเนื่องของภาคส่งออกและภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งการเร่งเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของการลงทุนภาคเอกชนและความต้องการสินเชื่อ จากสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุน ส่งผลให้ธนาคารจึงยังคงประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ 4.0% และสนับสนุนการขยายตัวของสินเชื่อที่ครอบคลุมในทุกกลุ่มธุรกิจที่ 6-8% สำหรับปี 2561”
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 กรุงศรีซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของไทยและเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.57 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.37 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.16 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 221.46 พันล้านบาทหรือเทียบเท่า 15.61% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 11.80%