30 มีนาคม 2561 : นายชาติชาย ชินเวชกิจวานิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 7-8% โดยจะมีเบี้ยประกันภัยรวมที่ 5,000 ล้านบาท มีสัดส่วนของการประกันภัยรถยนต์ 60% และ Non Motor 40%
อย่างไรก็ดี ในปีนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายที่จะเติบโตในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกันทั้ง Motor และ Non Motor ประมาณ 8-10% โดยเฉลี่ย ทั้งนี้จะเน้นไปที่กรมธรรม์ประเภทรายย่อย ซึ่งจะเป็นกรมธรรม์ที่บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ง่ายและดีกว่า
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ บริษัทฯวางแผนที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายและให้บริการโดยจะทำการเปิดสาขาใหม่ในต่างจังหวัดเพิ่มเติม จำนวน 1 สาขา ได้แก่ สาขาบุรีรัมย์ และเปิด Deves Station ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มอีก 4 จุด ทำให้บริษัทมีจำนวนสาขาและสาขาย่อย (Deves Station) ทั้งสิ้น 38 แห่ง ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้มุ่งเน้นการพัฒนาระบบเทคโนโลยี จัดทำระบบจัดการด้านสินไหมรถยนต์ รวมทั้งอยู่รัหว่างการพัฒนาให้พนักงานเคลมทำเคลมบนไอเพด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น และพัฒนาระบบ CRM เพื่อให้เข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม
พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์และบริการที่ดีต่อลูกค้า โดยเปิดช่องทางติดต่อแบบออนไลน์คือ Line official account : @devesinsurance , Facebook , พัฒนาปรับปรุง Website ใหม่ และจัดทำ Mobile Application เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบันอีกด้วย” นายชาติชาย กล่าวเพิ่มเติม
ส่วนผลการดำเนินงานประจำปี 2560 ว่า บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Gross Premium) 4,644 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยช่องทางการจำหน่ายมาจากช่องทางตัวแทน นายหน้า 30% สถาบันการเงิน 20% คอเปอเรท 35% และอื่นๆ และเมื่อหักค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยและค่าใช้จ่ายดำเนินงานแล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2560 เท่ากับ 265.65 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 5.31 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานด้านการลงทุนสำหรับปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการลงทุน 137 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน ร้อยละ 3 เนื่องจากบริษัทฯ ลดงานประกันภัยบางประเภทที่ขาดทุนลง ทั้งนี้ เมื่อสรุปฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 11,094 ล้านบาท มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 8,336 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 2,758 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ จะเสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2561 ในวันที่ 24 เมษายน 2561 อนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจากผลประกอบการปี 2560 ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับปี 265.65 ล้านบาท โดยจะเสนอจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 3.20 บาท โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 8 พฤษภาคม 2561