28 มีนาคม 2561 : นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ภายใต้การขับเคลื่อนโครงการ “National e-Payment” พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ส่งผลให้มีการทำธุรกรรมโดยผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่ง่าย สะดวก และปลอดภัย
โดยเฉพาะการใช้จ่ายด้วยคิวอาร์ โค้ด เห็นได้จากตัวเลขของธนาคารกสิกรไทยที่มีจำนวนร้านค้ารับคิวอาร์ โค้ด มากกว่า 1 ล้านร้านค้า และมีปริมาณธุรกรรมในไตรมาสแรกของปีนี้กว่า 1,500 ล้านบาท
ในไตรมาสนี้ ธนาคารจึงได้ประกาศ “ฟรีค่าธรรมเนียม” สำหรับบริการ “โอน เติม จ่าย” ซึ่งเป็นบริการที่ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าผู้ประกอบการบริการนิยมใช้ผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ K PLUS, K PLUS SME, K-Cyber, K-Cyber SME ค่าธรรมเนียมที่ถูกลง จำนวนฐานลูกค้าที่มีกว่า 14.5 ล้านราย
แนวโน้มปริมาณธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะกระตุ้นให้มีปริมาณการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้ธนาคารมีต้นทุนการบริหารจัดการเงินสดที่ลดลงในระยะยาว ช่วยลดต้นทุนให้ระบบเศรษฐกิจ ทั้งระดับส่วนรวม ร้านค้า และลูกค้าที่ใช้บริการ โดยตั้งเป้าว่า การลดค่าธรรมเนียมดังกล่าว จะทำให้มีปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 6,000 ล้านรายการ ภายในกลางปีนี้
ธนาคารได้วางกลยุทธ์การพัฒนาช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเงินทั้งในด้านธุรกิจและชีวิตส่วนตัวของลูกค้า ด้วยการใช้นวัตกรรม “เกด” (KADE: K PLUS AI-Driven Experience) ประสบการณ์ใหม่ของบริการทางการเงินแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดจากการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไปสู่โลกของบริการทางการเงินอันชาญฉลาดเป็นครั้งแรกของสถาบันการเงินในประเทศไทย
โดย “เกด” เรียนรู้รูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle) ของลูกค้า ทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ “ถูกที่ ถูกเวลา” เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าผู้ประกอบการ และเป็นการสร้างวงจรทางการเงินเต็มรูปแบบและครบวงจร และนำประเทศไทยไปสู่สังคมไร้เงินสด