24 มีนาคม 2561 : ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.ได้ให้การสนับสนุนศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และผู้แทนจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย สำนักงานอัตราเบี้ยประกันวินาศภัย (IPRB) เป็นคณะทำงานในการจัดทำงานวิจัยเรื่อง “รูปแบบการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรที่เหมาะสมในลำไยของประเทศไทย” เพื่อศึกษาแบบความคุ้มครอง และอัตราเบี้ยประกันภัยการประกันภัยที่เหมาะสมกับลำไย
ล่าสุด คปภ.ได้ลงพื้นที่ศึกษาและสำรวจพื้นที่เพาะปลูกจริง พร้อมพูดคุยกับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งได้ประชุมร่วมกับคณะผู้ทำวิจัยเพื่อรับฟังความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับงานวิจัยดังกล่าว จากข้อมูลสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2560 พบว่า ทั่วประเทศ มีพื้นที่เพาะปลูกลำไยจำนวน 1,052,111 ไร่ มีผลผลิตจำนวน 995,108 ตัน ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 8,802.27 บาท/ไร่ มูลค่าการส่งออก 14,052 ล้านบาท มีจำนวนครัวเรือนที่เพาะปลูกจำนวน 232,446 ครัวเรือน
โดยผลการศึกษาโครงการวิจัยดังกล่าว พบว่าความเสียหายขึ้นกับต้นลำไยมาจาก 4 ภัย คือ ภัยแล้ง อุทกภัย วาตภัย และภัยจากลูกเห็บ รูปแบบการคิดเบี้ยประกันภัย อัตราเบี้ยและทุนประกันภัย รวมทั้งรูปแบบการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรจากความเสี่ยงด้านภัยธรรมชาติในลำไย แบ่งเป็น ประเภทที่ 1 เป็นการให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติทุกประเภท ประเภทที่ 2 เป็นการให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ โดยงดเว้นบางประเภท และประเภทที่ 3 เป็นการให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ โดยมีเพียงแค่บางประเภท ซึ่งแตกต่างกันตามความคุ้มครองต่อภัยธรรมชาติ
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยแม่โจ้จะศึกษาเพิ่มเติมในส่วนของความคุ้มครองเมื่อเทียบกับผลผลิตที่ควรจะเป็น (yield) พร้อมรวบรวมสถิติและจำนวนความเสียหายแยกตามแต่ละภัยแนวทางการพิจารณาการประเมินความเสียหายของต้นลำไย ช่วงระยะเวลาการรับประกันภัย ความคุ้มค่า กรณีขอการสนับสนุนเบี้ยประกันภัยบางส่วนจากรัฐบาลฯลฯ ก่อนจะร่วมกันพิจารณากำหนดเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยและอัตราเบี้ยประกันภัย ซึ่งขณะนี้สำนักงาน คปภ. สมาคมประกันวินาศภัยไทย และสำนักงานอัตราเบี้ยประกันวินาศภัย (IPRB) อยู่ในระหว่างการพิจารณาอัตราเบี้ยประกันภัยประกอบข้อมูลสำรวจพื้นที่การเพาะปลูกลำไยเพื่อให้เหมาะสมต่อไป
“การประกันภัยพืชผลลำไยจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไทย ซึ่งจำนวนพื้นที่เพาะปลูก แม้ไม่มากเท่ากับพื้นที่การเพาะปลูกข้าวนาปี แต่ก็มีมูลค่าการส่งออกสูงกว่า 14,000 ล้านบาท รวมทั้งข้อมูลที่ได้รับจากการวิจัยครั้งนี้ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยลำไย ซึ่งมีแนวทางที่เป็นไปได้หลายแนวทาง เช่น จัดทำประกันภัยรายย่อย หรือ ประกันภัยกลุ่มโดยสมัครใจ หรือใช้รูปแบบในลักษณะคล้ายกับการประกันภัยข้าวนาปี ซึ่งในกรณีหลังจะต้องมีการเสนอเรื่องไปให้ทางกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป หากมีการนำระบบประกันภัยมาใช้กับลำไย ก็จะทำให้ประเทศไทย เป็นประเทศแรกของโลกที่มีการจัดทำประกันภัยลำไยแบบครบวงจร ”เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย