20 มีนาคม 2561 : นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงระดับลักซัวรี่ใจกลางเมือง เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหารได้วางกลยุทธ์ในดำเนินธุรกิจของบริษัท คือ พัฒนาที่อยู่อาศัยกลางเมืองทั้งแนวราบ และแนวสูง บนขนาดที่ดินไม่ใหญ่มาก เพราะที่ดินในเมืองหายากขึ้นทุกวัน แต่ในทางกลับกัน ที่ดินประเภทนี้เป็นที่ต้องการของ ผู้บริโภคจำนวนมาก
ซึ่งอัลติจูดจะเข้ามาจับตลาดกลุ่มนี้ซึ่งเป็นตลาดที่มี Demand มาก แต่กลับมี Supply น้อย และเราใช้ช่องว่างทางการตลาดนี้ มาเป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจของเรา โดยมุ่งพัฒนาให้เป็นโครงการที่เป็น Niche Luxury มุ่งเจาะกลุ่มผู้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย หรือ Young Success ที่ต้องการอยู่อาศัยในเมือง เพราะเดินทางสะดวก มีไลฟ์สไตล์ในแบบที่ต้องการ
และยังสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ครอบครองได้เป็นอย่างดีด้วยกลยุทธ์นี้เรามั่นใจว่าจะผลักดันให้ อัลติจูด ขึ้นแท่นเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับ Top 3 ในเซ็กเม้นท์ สำหรับบ้านลักซัวรี่ราคา 20 ล้านบาท และ โฮมออฟฟิตราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ภายใน 3 ปี ที่ผ่านมาเราเปิดขายโครงการแล้ว ทั้งสิ้น 5 โครงการ ซึ่งทุกโครงการ ล้วนได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีมาก
สำหรับในปี 2561 นี้ เราเปิดขายอีก 4 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ อัลติจูด มาสเตอรี่ 1 โครงการ, โฮมออฟฟิต 1 โครงการ ได้แก่ โครงการอัลติจูด พรูฟ พระราม 9 และ คอนโดมิเนียม อีก 2 โครงการ โดยอยู่ย่านเจริญกรุง 1 โครงการ และอีก 1 โครงการ เป็นแบรนด์ใหม่ ชื่อ อาสะ (ASA) อยู่ที่โรจนะ จังหวัดอยุธยา ติดกับโลตัส โรจนะ
โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายที่ 2,000 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้อยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งมาจากการโอนโครงการที่เปิดขายเมื่อปีที่แล้ว คือ โครงการอัลติจูด มาสเตอรี่, อัลติจูด พรูฟ เกษตร-นวมินทร์ และคอนโดอีก 2 โครงการ การวางแผนขึ้นสู่การเป็น Top 3 ในเซ็กเม้นท์สำหรับบ้านลักซัวรี่ราคา 20 ล้านบาท และ และโฮมออฟฟิตราคา 10 ล้านบาขึ้นไป
ทำให้บริษัทต้องวางแผนการดำเนินงานอย่างรอบคอบ เพราะเราต้องการรับรู้รายได้และต้องการยอดโอนในทุกไตรมาส ทำให้เราต้องเข้มข้นในการวางแผนการพัฒนาโครงการ ซึ่งจะพัฒนาแนวราบกับแนวสูงควบคู่กันไป โดยในช่วงระยะเวลา 3 ปีต่อจากนี้ไป เราวางเป้าเปิดตัวโครงการถึง 7,000 ล้านบาท
ด้านนายขวัญชัย ยิ่งเจริญถาวรชัย กรรมการบริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เผยถึงการสร้างแบรนด์ และการทำงานด้านการตลาดว่า โจทย์ที่ได้รับมา คือ ต้องทำการตลาดเพื่อส่งให้แบรนด์สินค้า และแบรนด์บริษัทเกิดการจดจำให้ได้ ด้านการทำแบรนด์สำหรับสินค้านั้น เราได้วาง Brand Segmentation ผ่านชื่อโครงการ ได้แก่ 1) แบรนด์อัลติจูด มาสเตอรี่ (Mastery)
ซึ่งเป็นแบรนด์สำหรับบ้านเดี่ยวระดับลักซัวรี่ ราคาประมาณ 20-45 ล้านบาท 2) แบรนด์อัลติจูด พรูฟ (Prove) เป็นแบรนด์สำหรับโฮมออฟฟิต ราคาประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไป และ 3) คอนโดมิเนียมแบรนด์อัลติจูด ซึ่งจะเป็นแบรนด์สำหรับคอนโดลักซัวรี่กลางเมือง และ 4) คอนโดมิเนียมแบรนด์ อาสะ (ASA) ซึ่งจะเป็นสินค้า เดียวที่อัลติจูดพัฒนาขึ้นมาโดยเป็น Effortable Condo
โดยโครงการแรกที่กำลังจะเปิดตัว คือ โครงการอาสะ อยุธยา-โรจนะ การวางแบรนด์สินค้าที่ชัดเจน จะสร้างการจดจำที่ง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าของบริษัทได้ง่ายขึ้นด้วย สำหรับในปี 2561 เราเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านโลกดิจิตอล และบุกทุกสื่อ เพื่อสร้างการรับรู้ ให้รู้จักแบรนด์อัลติจูด ให้มากที่สุด ทั้ง Below the line และ Above the line เพื่อทำการตลาดทั้งการสร้างแบรนด์บริษัท และแบรนด์สินค้า ควบคู่กันไป