28 กุมภาพันธ์ 2561 : ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2560 ว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 1,656.07 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 5.52 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,567.62 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 5.23 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 88.45 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วน 5.64%
สำหรับในปี 2560 เบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 20,008.37 ล้านบาท ประกอบด้วย เบี้ยประกันอัคคีภัย 1,787.25 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 292.39 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรถยนต์ 2,777.30 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล 7,900.96 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด 7,250.47 ล้านบาท
ด้านฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 บริษัทฯ ยังมีความมั่นคงและแข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์รวม 49,475.68 ล้านบาท หนี้สินรวม 41,924.05 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 7,551.63 ล้านบาท
ดร.สมพร กล่าวถึง สาเหตุที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า สืบเนื่องจากที่บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นขยายฐานลูกค้ารายย่อยไปพร้อมๆกับลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับความต้องการของผู้เอาประกันภัย
ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็มุ่งเน้นบริการด้านสินไหมที่รวดเร็วและเป็นธรรมแก่ผู้เอาประกันภัย หรือ เรียกว่า การบริการสินไหมนำตลาด ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้ลูกค้าสนใจทำประกันภัยกับบริษัทฯ มากขึ้นด้วย
“จากการที่บริษัทฯ มีการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และการบริการสินไหมที่รวดเร็วและเป็นธรรม ทำให้บริษัทฯได้รับความเชื่อมั่นและมั่นใจจากลูกค้าในการทำประกันภัยกับบริษัทฯ มากขึ้น อีกทั้งบริษัทฯยังสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้กำไรจากการรับประกันภัยสูงขึ้นอยู่ที่ 1,192 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 1,031.69 ล้านบาท แม้เบี้ยประกันภัยรับรวมจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย” ดร.สมพร กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2561 นั้น บริษัทฯจะเดินหน้าก้าวสู่บริษัทประกันวินาศภัยที่เป็นผู้นำด้านระบบดิจิทัล (Digital Insurance) อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากที่ได้ใบรับรองระบบมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 จาก United Kingdom Accreditation Service (UKAS) องค์กรตรวจรับรองมาตรฐานระดับโลกของประเทศอังกฤษ ซึ่งบมจ.ทิพยประกันภัย เป็นบริษัทประกันวินาศภัยแห่งแรกของไทยที่ได้รับการรับรอง ISO/IEC 27001:2013 ทุกระบบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในองค์กรในการดำเนินธุรกิจประกันภัย
“ใบรับรองระบบมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 ถือเป็นการการันตีมาตรฐานระบบ IT ของทิพยประกันภัย ที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล หลังจากที่บริษัทฯ ได้เร่งพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้รับประโยชน์สูงสุด”
ดร.สมพร กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการก้าวสู่ผู้นำด้าน Digital Insurance นอกจากการให้บริการผ่านทางเว็บไซต์ www.tipinsure.com แล้ว ทิพยประกันภัยยังได้พัฒนาแอปพลิเคชั่น “TIP Insure” เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการให้บริการและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะช่วยให้ได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ตอบสนองลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า โดยลูกค้าสามารถใช้บริการแอปพลิเคชัน “TIP Insure” ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปโดย ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android
สำหรับแอปพลิเคชัน “TIP Insure” ของทิพยประกันภัยนั้น ลูกค้าสามารถใช้บริการทั้งการเลือกซื้อประกันภัยที่ครอบคลุมการประกันภัยเกือบทุกประเภท ทั้งการประกันภัยรถยนต์ ตั้งแต่ประกันภัยรถยนต์ประเภท1 ประกันภัยรถยนต์ TIP Lady ประกันภัยรถยนต์ 2Plus – 3Plus และประกันภัยตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
นอกจากนี้ “TIP Insure” ยังให้บริการกรมธรรม์ประกันภัยเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล และประกันภัยที่อยู่อาศัย ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อประกันภัยได้อย่างรวดเร็วแบบ Fast Track หลังจากชำระเงินแล้ว ลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองทันที
“แอปพลิเคชัน “TIP Insure” ให้บริการได้หลากหลายรูปแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อกรมธรรม์ประเภทต่างๆ แล้ว บริการต่ออายุกรมธรรม์ การชำระเงินด้วยการ Scan barcode หรือระบุหมายเลขอ้างอิง ที่อยู่บนใบแจ้งหนี้ หรือใบเตือนต่ออายุ เพื่อชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้ทันที การค้นหาโรงพยาบาลในเครือเพื่อรับสิทธิในการรักษา อู่ในเครือที่ลูกค้าสามารถเข้าใช้บริการโดยไม่ต้องจ่ายเงินสำรองก่อน รวมถึงบริการอื่นอีกมากที่ลูกค้าสามารถเข้าไปศึกษาและใช้บริการในรูปแบบที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของตนเองได้” ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกรวดเร็ว ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ดร.สมพร กล่าว