ธนาคารธนชาต เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2559 ของธนาคารและบริษัทย่อยยังคงเติบโตขึ้นเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน มีกำไรสุทธิ 2,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.78% จากไตรมาสก่อน NPL Ratio ลดลงเหลือ 2.70% BIS Ratio อยู่ที่ 18.22% พร้อมเตรียมเปิดบริการโมบายแบ้งก์กิ้ง เพื่อให้บริการทางการเงินทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK กล่าวว่า ผลจากการที่ธนาคารธนชาตและบริษัทย่อยประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการ NPL และลด NPL Ratio ลงได้เหลือ 2.70% ส่งผลให้ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาธนาคารและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญจากการดำเนินงานปกติลดลง สนับสนุนให้กำไรเติบโตต่อเนื่องอีกหนึ่งไตรมาส

โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ปี 2559 จำนวน 2,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.78% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 11.05% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2558 ซึ่งปีที่แล้วกำไรของธนาคารและบริษัทย่อยเติบโตติดต่อกันทั้งปี ถ้านับไตรมาสนี้ด้วยก็จะเห็นว่ากำไรเติบโต 5 ไตรมาสติดต่อกัน ขณะที่ Coverage Ratio ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 121.91% สำหรับงบรวม

และหากพิจารณางบเดี่ยวของธนาคาร Coverage Ratio อยู่ที่ 130.10% คุณภาพสินทรัพย์ที่มีNPL Ratio ลดลงและมี Coverage Ratio เพิ่มขึ้น อีกทั้ง เงินกองทุนที่มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือ BIS Ratio อยู่ที่ 18.22%

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในไตรมาส 2 นี้ ธนาคารมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ประกันวินาศภัย การลงทุนในหลักทรัพย์ และกองทุนรวม รวมถึงการเพิ่มบริการโมบายแบ้งก์กิ้ง ที่จะตอบสนองการให้บริการลูกค้าผ่านแอพพลิเคชั่นในการทำธุรกรรมทางการเงินได้ทุกที่ ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าจะสามารถเปิดให้ลูกค้าได้ใช้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาส 2 นี้