กลุ่มทิสโก้ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2559 โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน จำนวน 1,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ลดลงจากร้อยละ 3.23 ในไตรมาสก่อนหน้า เป็นร้อยละ 3.07 สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ท่ามกลางความท้าทายของภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ ไตรมาสแรก ปี 2559 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิจำนวน 1,255 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 จากการปรับตัวดีขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ร้อยละ 1.0 ด้วยความสามารถในการรักษาอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรวมและการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับการเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักที่ร้อยละ 0.4 โดยสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ร้อยละ 15.9
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญปรับเข้าสู่ภาวะปกติมาอยู่ที่ 981 ล้านบาท จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยในไตรมาสนี้ มีการตั้งสำรองหนี้สูญส่วนเกิน เพื่อรองรับต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 จากต้นทุนเงินฝากที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง กอปรกับการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.9 จากการอ่อนตัวของรายได้จากธุรกิจตลาดทุน อย่างไรก็ดี รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย (Bancassurance)
สำหรับเงินให้สินเชื่อรวม ไตรมาสแรก (1 ม.ค.-31 มีนาคม 2559) มีจำนวน 233,166 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.1 จากสิ้นปี 2558 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ (Car Inventory Financing) ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวและตลาดรถยนต์ที่ยังไม่ฟื้นตัว
อย่างไรก็ดี Penetration rate ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนหน้า พร้อมกับสินเชื่ออเนกประสงค์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามแผนการขยายธุรกิจ ถึงแม้ยังคงได้รับผลกระทบจากหนี้สินภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 มีอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 3.07 ลดลงจากร้อยละ 3.23 ในไตรมาสก่อนหน้า
กลุ่มทิสโก้ยังคงสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมอยู่ในระดับต่ำ ที่ร้อยละ 38.1 นอกจากนี้ ธนาคารยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดทั้งปี โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ (BIS Ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 18.1 สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำร้อยละ 8.50 ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ร้อยละ 14.1 และร้อยละ 4.0 ตามลำดับ