23 กุมภาพันธ์ 2561 : ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงนโยบายการลงทุนทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑลและในภูมิภาค บริษัทมีพื้นที่มีอยู่ 20 จังหวัด โดยรวมกว่า 140 โครงการ ส่วนใหญ่ทำเป็นบ้านจัดสรร บางจังหวัดทำเป็นคอนโด เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ระยอง สงขลา ซึ่ง จังหวัดอุบลราชธานี เน้นทำบ้านจัดสรรเป็นหลัก เป็นการเพิ่มศักยภาพการเติบโตและกระจายความเสี่ยง อีกทั้งยังมีการขยายไปต่างประเทศ ทำทั้งแนวราบและแนวสูง อีกด้านหนึ่งมีธุรกิจให้เช่าเสริมเข้ามาด้วย
โดยจะมุ่งเน้นพัฒนาโครงการตั้งแต่ 3 โครงการขึ้นไป เช่น จังหวัดชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต สงขลา มีถึง 9-10 โครงการ และส่วนที่เหลือมี 5-6 โครงการ เป็นต้น
จังหวัดอุบลราชธานีเริ่มดำเนินการมา 2 ปี ถือว่าประสบความสำเร็จน่าพอใจ ปัจจุบันมี 4 โครงการ และขณะนี้ซื้อที่แปลงที่ 5 จะเริ่มพัฒนาและเปิดขายต่อไป และจะพัฒนาโครงการที่ 6 ในไตรมาสที่ 1 ปี 2562
“จุดแข็งของศุภาลัยอยู่ที่แบรนด์ ราคาที่ถูก คุ้มค่า คุณภาพและการบริการที่ดีกว่า เป็นบ้านที่ใช้วัสดุกันความร้อน
และเป็นบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน รวมถึงความน่าเชื่อถือของมาตรฐานวิชาชีพ ทั้งผังเมือง วิศวกรรม การออกแบบ มาตรฐานทางด้านบัญชี สัญญา นิติกรรม และถูกต้องตามจริยธรรมและศีลธรรม รวมถึงการส่งเสริมสังคมในท้องถิ่นอีกด้วย” ดร.ประทีปกล่าว
สำหรับการขยายไปยังต่างประเทศนั้น ขณะนี้กำลังเจรจากับประเทศเขมร เพราะข้อดีคือความเสี่ยงด้านค่าเงินมีไม่มากนัก เพราะเขาใช้เงินดอลลาร์ และใกล้ประเทศไทย เดินทางสะดวก วัสดุก่อสร้างก็เหมือนของไทย ต้นทุนในการก่อสร้างก็ใกล้เคียงกัน แต่ราคาที่ดินแพงกว่าประเทศไทย ขณะนี้กำลังหาพื้นที่อยู่ และฟิลิปปินส์ก็มีเป้าหมายจะขยายเพิ่มอีก ออสเตรเลียมีอยู่ 6 โครงการ โดยลงทุนทั้งหมดกว่า 2,000 ล้านบาท เริ่มมีกำไร และกำลังขยายเพิ่มเติมอีก
ทางด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2561 บริษัทฯจะเปิดทั้งหมด 35 โครงการ รวมมูลค่าทั้งหมด 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ(กรุงเทพฯ) 17 โครงการ ต่างจังหวัด 13 โครงการ คอนโด (กรุงเทพฯ) 5 โครงการ
บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่เป็นประเภทบ้านจัดสรรในหัวเมืองภูมิภาค จำนวน 13 โครงการ ใน 12 จังหวัด ไม่นับจังหวัดปริมณฑล โดยมีการขยายการลงทุนเพิ่มเป็น 12 จังหวัด คือ เชียงราย จะส่งผลให้สัดส่วนยอดขายในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเป็น 30% หรือกว่า 9,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 26% และคอนโดมิเนียม 4% ของเป้าหมายยอดขายของบริษัท 33,000 ล้านบาท โดยเน้นพัฒนาแบบบ้านรูปแบบใหม่ ให้สอดคล้อง กับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย นับว่าเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในหัวเมืองต่างจังหวัดมากที่สุด พร้อมตั้งเป้ารายได้ 26,000 ล้านบาท และตั้งเป้าซื้อที่ดิน 9,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดขาย 60,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสแรก บริษัทมีการเปิดตัวโครงการแนวราบ จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,500 กว่าล้านบาท โดยเปิดตัวไปแล้ว 1 โครงการ คือ ศุภาลัย พรีโม่ บางแสน และเปิดตัวอีก 2 โครงการในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ คือ ศุภาลัย เอสเซ้นส์ ลาดพร้าว ศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ หาดใหญ่ อีกทั้งเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 3 โครงการในเดือนมีนาคมนี้ ได้แก่ เบลล่า วงแหวน – ลำลูกกา คลอง 3 โนโว วิลล์ พหลโยธิน – ลำลูกกา และศุภาลัย พรีโม่ ชัยพฤกษ์ – บางบัวทอง
ส่วนผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2560 ที่ผ่านมา ว่าบริษัทประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายมีผลประกอบการที่โดดเด่น มียอดขายกว่า 30,777 ล้านบาทคิดเป็น 77% จากการเปิดตัวทั้งหมด 20 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 15 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ อีกทั้งสามารถทำรายได้รวม 25,789 ล้านบาท เติบโต 10% โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด จำนวน 10 โครงการ
โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 5,812 ล้านบาท เติบโต 19% เมื่อเทียบกับปี 2559 จากผลการดำเนินงานที่สะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้แผนงานการสร้างสรรค์ “บ้านที่ดี” ที่มาจากผลิตภัณฑ์แห่งความสุขและนวัตกรรม ด้านสินทรัพย์เติบโตขึ้น 8% ส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโต 20%
โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 69% ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 2.79% ต่อปี ณ 31 ธ.ค. 2560 และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 39,187 ล้านบาท ณ 31 ธ.ค. 2560 เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต
ปี 2560 เป็นปีที่ทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยสัดส่วนการเติบโตมาจากกรุงเทพฯ ปริมณฑล 76% และ หัวเมืองต่างจังหวัด 24% โดยปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการ จำนวน 11 จังหวัด เชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง อุบลราชธานี นครราชสีมา สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช ซึ่งมีการเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง
นายบุญชัย ชัยอนันต์บวร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานโครงการภูมิภาค 2 บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดอุบลราชธานี มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงในเขตภาคอีสานตอนใต้ ซึ่งมีสนามบินนานาชาติ ทำให้การเดินทางสะดวก และรวดเร็ว ทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีประตูการค้าชายแดนเชื่อมโยงทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาวอีกทั้งประชากรของจังหวัดอุบลราชธานีมีจำนวนมาก
สำหรับทิศทางการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดอุบลราชธานีของศุภาลัย ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านรุ่นใหม่ และทาวน์โฮม โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการในจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 4 โครงการ คือ ศุภาลัย โมด้า อุบลราชธานี ศุภาลัย วิลล์ อุบลราชธานี ศุภาลัย เบลล่า อุบลราชธานี และศุภาลัย พรีโม่ อุบลราชธานี พร้อมลุยแผนเปิดโครงการใหม่อีก 1 โครงการ ในไตรมาส 3 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า คือ โนโว วิลล์ อุบลราชธานี มูลค่า 380 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มเติมในจังหวัดอุดรธานี และนครราชสีมา ได้แก่ ศุภาลัย ไพรด์ อุดรธานี มูลค่า 1,800 ล้านบาท ศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ นครราชสีมา มูลค่า 640 ล้านบาท อีกทั้งโครงการใหม่ในโซนภาคตะวันออก 1 โครงการ คือ ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง บ้านเดี่ยวหรูริมแม่น้ำ มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท เพื่อช่วยผลักดันสัดส่วนยอดขายของบริษัทในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเป็น 30% ตามที่วางเป้าหมายไว้