14 กุมภาพันธ์ 2561 : นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โมเดลการทำธุรกิจของเคทีซีในปี 2561 จึงมุ่งใช้กลยุทธ์เชิงรุกไปที่สมาชิกเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี (Customer Experience) โดยเน้นการเข้าถึง ใส่ใจ และตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของสมาชิก บริษัทฯ มีแผนจะขยายปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมที่ไม่ต่ำกว่า 15% พอร์ตลูกหนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% โดยคาดว่าจะสามารถทำกำไรและรักษาระดับ NPL ได้ในระดับเดียวกับปี 2560
เคทีซีมุ่งเน้นการผนึกความร่วมมือกับหลากพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ รวมถึงนำนวัตกรรมเทคโนโลยีบริการมาสนับสนุนการทำธุรกิจ อีกทั้งจะปรับปรุงสิทธิประโยชน์ของผลิตภัณฑ์บัตรบางประเภทให้น่าสนใจและแข่งขันได้ ขยายฐานสมาชิกโดยมุ่งเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของบริษัทและพันธมิตรธุรกิจ ตลอดจนปรับปรุงบริการให้สมาชิกสามารถกำหนดและทำรายการได้ด้วยตนเอง (Self Service) เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคดิจิทัล
นอกจากนี้ ยังขยายปริมาณร้านค้ารับบัตรเครดิตสู่ธุรกิจใหม่และตลาดต่างจังหวัดด้วยบริการ KTC Payment Solutions ที่เหมาะกับประเภทของคู่ค้า เช่น KTC QR Code Payment, Alipay O2O (Online to Offline) เป็นต้น ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อให้สมาชิกรอบด้านเกิดความพึงพอใจและผูกพันกับแบรนด์เคทีซี อันจะนำไปสู่การเติบโตของบริษัทฯ อย่างยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับอัตราเติบโตของกำไรสุทธิเคทีซีในปี 2560 ถือว่าเกินกว่าคาดหมายไว้อย่างมาก แม้จะต้องเผชิญกับหลายปัจจัยกดดัน ทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 เคทีซีมีกำไรสุทธิ 3,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปี 2559 ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งปีเท่ากับ 176,777 ล้านบาท เติบโต 6.9% สูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งเท่ากับ 5.2%
สำหรับปริมาณการซื้อขายผ่านร้านค้ามีมูลค่า 77,884 ล้านบาท เติบโต 26.3% จำนวนร้านค้าสมาชิกเท่ากับ 32,875 แห่ง เพิ่มขึ้น 10.5% จากการร่วมขยายร้านค้าและติดตั้งเครื่องรับบัตร การขยายร้านค้าออนไลน์ การรับชำระเงินผ่านระบบ Virtual Terminal และการขยายร้านค้าอาลีเพย์”
“บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 73,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่ 68,297 ล้านบาท โดยพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมเท่ากับ 73,488 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 3 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น บัตรเครดิต 2,169,370 บัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตรวม 48,388 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 852,915 บัญชี ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวม 24,757 ล้านบาท ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ลดเหลือ 1.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 1.7% NPL บัตรเครดิตลดเหลือ 1.1% จาก 1.2% และ NPL สินเชื่อบุคคลลดเหลือ 0.8% จาก 0.9%”
บริษัทฯ มีรายได้รวมปี 2560 เท่ากับ 19,525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ย (รวมรายได้ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) รายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้หนี้สูญได้รับคืน ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net Interest Margin) เป็น 15.13% ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าที่ 15.12% สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิ (Operating Cost to Income Ratio) เท่ากับ 27.5% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 28.5%
สัดส่วนค่าใช้จ่ายรวมต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) เท่ากับ 36.6% ต่ำลงกว่าปีก่อนหน้าที่ 39.3% วงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) เท่ากับ 21,570 ล้านบาท เป็นวงเงินจากธนาคารกรุงไทย 18,030 ล้านบาท และจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 3,540 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 4.85 เท่า ต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า