8 กุมภาพันธ์ 2561 : คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ระบุว่า “จากกรณีที่ปรากฏในข่าวนายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD กับพวกถูกควบคุมตัวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ในเรื่องนี้ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สำหรับคำถามที่ว่า ผลสืบเนื่องจากกรณีดังกล่าวจะเข้าข่ายขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหรือไม่นั้น ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 3/2560 ไม่ได้ระบุให้ความผิดในเรื่องดังกล่าวเป็นลักษณะที่จะเข้าข่ายขาดความน่าไว้วางใจ
อย่างไรก็ดี บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งได้มีการจัดทำแนวบรรษัทภิบาลที่ดีของตนเองในระดับที่สูงกว่ากฎหมาย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เพิ่มความโปร่งใส และการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่ง ก.ล.ต. เห็นว่า เป็นเรื่องที่ดีและสนับสนุน
ดังนั้น เมื่อมีข้อสงสัยว่าอาจมีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามแนวบรรษัทภิบาลของบริษัทเอง คณะกรรมการของบริษัทนั้น ๆ จึงควรพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรและเปิดเผยให้ผู้ถือหุ้นได้รับรู้ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนต่อไป”
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่า การจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD กับพวก กรณีเข้าไปล่าสัตว์ป่าสงวนในจุดต้องห้ามภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรนั้น เห็นว่ากรณีนี้ยังไม่สามารถใช้ความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ปี 2535 ในการพิจารณาได้ เนื่องจากพ.ร.บ. หลักทรัพย์ ฯ ดังกล่าวกำหนดข้อห้ามการผู้บริหารจดทะเบียนว่า ต้องกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต คอร์รัปชัน ถูกกล่าวโทษ และถูกคำพิพากษาจนถึงที่สุดเท่านั้น
ซึ่งกรณีของนายเปรมชัยนั้น ต้องกลับมาดูในเรื่องธรรมาภิบาลและจริยธรรมเป็นหลัก ซึ่งบมจ.อิตาเลียนไทยฯ ได้ประกาศหลักบรรษัทภิบาลอิตาเลียนไทย ปี2561 โดยเฉพาะข้อ 1.6 ที่ระบุไส้ว่า จะต้องไม่กระทำการใดๆ ที่มีผลเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม ดังนั้น ทาง
สถาบันกรรมการบริษัท หรือ IOD ซึ่งให้คะแนนเรื่องธรรมาภิบาลกับทางบมจ.อิตาเลียนไทยฯ ในระดับ 4 ดาวเมื่อปี 2560 นั้น ในปีนี้จึงต้องกลับมาทบทวนใหม่ โดยต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
“อย่างไรก็ตาม หากมีการตัดสินใจว่านายเปรมชัย กระทำผิดจริง ก็ถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทต้องพิจารณาทบทวนเพื่อดูแลให้เหมาะสม หากไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง จะถูกแรงกดดันจากภาคสังคมเข้ามาตรวจสอบ” นางเกศรา กล่าว