6 กุมภาพันธ์ 2561 : กฤช เอทเตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ค จํากัด (มหาชน) หรือ STAR เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 ได้มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 3 (STAR-W3) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น จำนวนไม่เกิน 135,454,748 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่า และมีอัตราการจัดสรรเท่ากับ 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ
ส่วนกรณีมีเศษให้ปัดเศษทิ้ง โดยมีอัตราการใช้สิทธิคือใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้นโดยกำหนดราคาการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิเท่ากับ 4.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุ 2 ปีนับแต่วันที่ออกและเสนอขาย
ดังนั้นที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากเดิม 189,636,647.90 บาท เป็น 284,454,971.50 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 135,454,748 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.70 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 3 (STAR-W3) ในลำดับต่อไป
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สตาร์ ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ค (STAR) กล่าวเพิ่มว่า ผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 500,000,000 บาท เพื่อระดมทุนสำหรับใช้ในกิจการต่างๆ ที่บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรใน 3 ธุรกิจหลักด้วยกัน ประกอบด้วยธุรกิจรีไซเคิลในประเทศออสเตรเลีย ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ใน บริษัท Shenton Energy Pty., Ltd. (“Shenton”) จำนวน 60% อยู่แล้ว โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ในการขยายขอบเขตการดำเนินการ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และมีอายุสัมปทาน 20 ปี
ธุรกิจที่สองคือธุรกิจมีเดีย ภายใต้บริษัท สตาร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 100% ปัจจุบันได้มีการเจรจากับคู่สัญญาในการให้บริการติดตั้งป้ายโฆษณา ทั้งหมดจำนวน 900 ป้ายทั่วกรุงเทพมหานคร แต่จะดำเนินการในระยะแรก จำนวน 300 ป้ายก่อน โดยใช้งบลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท ธุรกิจที่สามเป็นการลงทุนธุรกิจเทรดดิ้ง โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ มูลค่าโครงการประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนในธุรกิจดังกล่าวประมาณ 250 ล้านบาท
ทั้ง 3 ธุรกิจนี้ จะเริ่มก่อให้เกิดรายได้ในปี 2561 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ หลังจากได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจเมื่อปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่สร้างรายได้แบบยั่งยืนและมั่นคง ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทฯ มีความเจริญรุ่งเรือง และสร้างผลตอบแทนสูงสุดต่อนักลงทุน และผู้ถือหุ้น