1 กุมภาพันธ์ 2561 : นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อปี 2561 ที่ 6-8% โดยมองการเติบโตของเศรษฐกิจไทย(จีดีพี) ปีนี้ที่ 4% ขณะที่แผนระยะ3ปีข้างหน้า มองว่า สินเชื่อรวมมีโอกาสเติบโตอยู่ที่ระดับ 7-9% ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตประมาณ 5% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ระดับ 3.5-3.7%
ด้านสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้ตั้งเป้าหมายให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 2.5% ซึ่งปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่วนการตั้งสำรองหนี้เสียปัจุบันอยู่ในระดับสูงเกินเกณฑ์แบงก์ชาติกำหนด ปัจจุบันมีสูงถึง140% ในปีนี้ธนาคารยังคงตั้งสำรองในระดับสูงเพื่อรองรับการเติบโตของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น
สำหรับสัดส่วนสินเชื่อในปัจจุบันแบ่งเป็น สินเชื่อรายใหญ่และกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นและเอสเอ็มอี 47% ของยอดสินเชื่อคงค้างทั้งหมด 1.5 ล้านล้านบาท โดยสินเชื่อรายใหญ่คิดเป็นเม็ดเงิน 6 แสนล้านบาท สินเชื่อเอสเอ็มอี 2.2 แสนล้านบาท ที่เหลือ 53% เป็นสินเชื่อรายย่อย 53% คิดเป็นเงิน 7.3 แสนล้านบาท โดยสินเชื่อรายย่อยแบ่งเป็น สินเชื่อยานยนต์ 22% คิดเป็นเม็ดเงิน 3.4 แสนล้านบาท สินเชื่อที่อยู่อาศัย 2.2 แสนล้านบาท และสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล 1.7 แสนล้านบาท
“ธนาคารไม่มีแผนลดพนักงานและสาขาเหมือนธนาคารอื่น เนื่องจากยังมีแผนขยายธุรกิจต่อเนื่อง เพียงแต่ปรับรูปแบบสาขาเป็นดิตอลทัลมากขึ้น ส่วนพนักอาจมีการโยกย้ายไปในหน่วยงานอื่นที่ไม่มีโรโบติกเข้ามาช่วย”นายโนริอากิ กล่าว
นายโนริอากิ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนงานธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ที่ครอบคลุมระยะ 3 ปี (ปี 2561-2563) โดยธนาคารจะมุ่งเน้นกลยุทธ์การดำเนินงานสำคัญ 3 ประการด้วยกัน ได้แก่ 1.ขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรมภายใต้แนวคิด Digital First 2.สร้างประสบการณ์เหนือระดับเพื่อให้ลูกค้ใช้กรุงศรีเป็นหลัก และ 3. เสริมสร้างศักยภาพด้านธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
“ในการส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า ธนาคารจะเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจทั้งด้านลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและลูกค้าธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเริ่มโครงการใหม่ๆ อาทิ การปรับโครงสร้างและกระบวนการปฎิบัติงาน การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของพนักงาน รวมถึงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางการเงิน นอกจากนี้ ธนาคารได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลและฟินเทคมาใช้เป็นแพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและรูปแบบการให้บริการทางการเงินสำหรับอนาคต” นายโนริอากิ กล่าว