31 มกราคม 2561 : นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง และโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ เป็นผลมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง แต่การแข็งค่าของเงินบาทก็ยังเป็นไปทิศทางเดียวกันสกุลอื่นในภูมิภาค
“ในมุมมองของกระทรวงการคลังตอนนี้ เงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 31 บาทกว่าต่อดอล์ลาร์สหรัฐ แต่เชื่อว่าปลายปีเงินบาทจะอ่อนค่าลงบ้าง และเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 32.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ” น.ส.กุลยา กล่าว
เงินบาทยังไม่ได้ส่งผลกระทบกับการส่งออกมาก ซึ่งมูลค่าการส่งออกปี 2560 ขยายตัวได้ถึง 10% และในปี 2561 คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 6.6% ทั้งนี้การส่งออกต้องพิจารณาจากทั้งค่าเงินบาท และการซื้อสินค้าของประเทศคู่ค้าที่ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผลมากกว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่การขายสินค้าก็ยังขายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า
“ปริมาณการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น สามารถชดเชยรายได้ที่ลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น เพราะการขยายตัวการส่งออกในภาพรวมยังขยายตัวได้อยู่ ผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบมากคือผู้ประกอบการที่ใช้ปัจจัยการผลิตและวัตถุดิบภายในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี” โฆษกกระทรวงการคลังกล่าว
สำหรับผู้ส่งออกรายใหญ่ไม่น่าเป็นห่วง เพราะต้นทุนการนำเข้าลดลงเนื่องจากมีการสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งได้ราคาถูกลงจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่การส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการแข็งค่าของเงินบาทในระดับปัจจุบันจึงยังไม่กระทบกับการส่งออกของประเทศในภาพรวมที่ยังสามารถขยายตัวได้ดี