29 มกราคม 2561 : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.15-31.50 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.34 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วและแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 50 เดือน
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยด้วยมูลค่า 4.1 พันล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 2.5 พันล้านบาทดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ โดยเงินยูโรปรับตัวสู่ระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 3 ปี หลังรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอาจใช้นโยบายดอลลาร์อ่อน
อย่างไรก็ตาม ช่วงท้ายสัปดาห์ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวสนับสนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าซึ่งสวนทางกับความเห็นของรมว.คลัง ส่วนธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) คงนโยบายการเงินตามคาด โดยระบุถึงข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อมีแนวโน้มขยับขึ้นในระยะกลาง
ปัจจัยชี้นำสำคัญสำหรับตลาดการเงินโลกอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 30-31 มกราคม ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งวาระการดำรงตำแหน่งจะสิ้นสุดในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ แม้ตลาดคาดว่าจะยังไม่มีการปรับนโยบายในรอบนี้แต่จะจับตาสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคม
นอกจากนี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลการจ้างงานเดือนมกราคมของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเติบโตของค่าจ้างเพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อ และทิศทางดอกเบี้ยในระยะถัดไป อนึ่ง ความไม่แน่นอนเชิงนโยบายด้านเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนของสหรัฐฯ รวมถึงการเปิดฉากสงครามการค้ายังคงจำกัดการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์และเพิ่มความผันผวนให้กับตลาด
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)แสดงความกังวลว่าหากเงินบาทยังแข็งค่ารวดเร็วและต่อเนื่องอาจกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงได้ โดยธปท.จะยกระดับการดูแลและเพิ่มความเข้มงวดในการติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2561 เงินบาทปรับตัวแข็งค่าเร็วกว่าที่เราเคยประเมินไว้มากซึ่งเป็นผลมาจากเงินดอลลาร์ในตลาดโลกเผชิญแรงขายเทียบกับสกุลเงินหลักอย่างต่อเนื่อง
ท่าทีล่าสุดของทางการไทยที่แข็งกร้าวมากขึ้นเกี่ยวกับค่าเงินบาทอาจชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง ขณะที่ตลาดมีความระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับสัญญาณใดๆ ที่บ่งชี้ว่าอาจมีการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย อย่างไรก็ดี กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์มองว่ามาตรการมีหลายระดับและมีข้อดีและความเสี่ยงต่างกันไป ซึ่งเราเชื่อว่าธปท.ย่อมศึกษาถึงประสิทธิผลของเครื่องมือต่างๆ อย่างถี่ถ้วนและรอบคอบ