3 มกราคม 2561 : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์แรกของปี 2561 ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35-32.60 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 32.58 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยมูลค่า 1.7 พันล้านบาท แต่ขายพันธบัตรสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในปี 2560 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นรวม 2.6 หมื่นล้านบาท แต่มีเม็ดเงินไหลเข้าพันธบัตรมากถึง 3.6 แสนล้านบาท ในสัปดาห์ที่แล้ว ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินสำคัญ หลังความต้องการถือครองดอลลาร์ลดลงในช่วงปลายปีและนักลงทุนบางส่วนเริ่มกลับเข้าตลาดอีกครั้งหลังเทศกาลคริสต์มาส
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดการเงินจะให้ความสนใจกับบันทึกการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงข้อมูลการเติบโตของค่าจ้างในสหรัฐฯ เพื่อประเมินแรงส่งผ่านของตลาดแรงงานไปยังเงินเฟ้อที่ยังอยู่ที่ระดับต่ำ ซึ่งอาจให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ ในปี 2560 ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทนดีที่สุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากนักลงทุนปรับตัวรับอัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตทั่วโลก นอกเหนือจากปัจจัยเงินเฟ้อและการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดแล้ว ในปีนี้จะมีการปรับเปลี่ยนบุคลากรระดับสูงหลายตำแหน่งภายในองค์กรเฟด รวมถึงการเลือกตั้งทั่วไปในอิตาลีและการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ซึ่งจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดได้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คาดว่าจีดีพีของไทยจะเติบโต 4% ในปีนี้ต่อเนื่องจากปี 2560 โดยเศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงหนุนหลักจากการส่งออกและท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อภาคเอกชนยังไม่แข็งแกร่งนัก ส่วนการลงทุนภาครัฐมีสัญญาณสดใส หลังจากมีความคืบหน้าการประมูลและการเซ็นสัญญาการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ ซึ่งคาดหวังว่าจะส่งผลบวกต่อการลงทุนภาคเอกชนได้ชัดเจนขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์ในตลาดโลกมีแนวโน้มเผชิญกับแรงกดดันจากการคาดการณ์ของนักลงทุนที่ว่าธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) อาจเริ่มปรับสมดุลนโยบายการเงินเร็วกว่าคาด อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า ในปีนี้เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าในอัตราที่ลดลง ทั้งนี้ ในปี 2560 เงินบาทแข็งค่าเป็นอันดับสามของเอเชีย โดยแข็งค่าเกือบ 10% แม้เฟดได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้งปีรวม 0.75% ขณะที่ในปีนี้การเคลื่อนย้ายเงินทุนจะยังคงผันผวน ส่วนการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยมีแนวโน้มลดลงจากยอดนำเข้าที่ฟื้นตัวตามการลงทุนในภาคเศรษฐกิจจริง ซึ่งจะช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง