25 ธันวาคม 2560 : เข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของปี 2560 อย่างเป็นทางการแล้ว ในช่วงปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นให้ชวนได้ติดตามมากมาย อย่างกรณี “EARTH” บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ ที่หลายคนไม่คาดคิดว่าจะเป็นหนี้เป็นสินมากมายขนาดนี้ ทั้งช่วงหลายปีที่ผ่านมา EARTH โชว์สินทรัพย์และผลกำไรมหาศาล สุดท้ายก็ไม่มีเงินชำระหนี้ จนแบงก์กรุงไทย (KTB) ถึงกับต้องเดินหน้ารื้อหาหลักฐานเอาผิด EARTH เพิ่มเติม หลังจากได้มีการกล่าวร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จากการพบเอกสารการนำเข้าถ่านหินปลอม เพื่อรักษาผลประโชยน์ของธนาคารในฐานะเป็นหนึ่งในรัฐวิสาหกิจของรัฐ
มหากาพย์หุ้น EARTH จุดเริ่มต้นมันเป็นอย่างไร
ขอย้อนกลับไปกันอีกครั้ง โดยทีมกูรูทางด้านการเงินของเพจลงทุนแมน ได้อธิบายถึงจุดเริ่มต้นไว้อย่างน่าสนใจ EARTH เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ MAI เมื่อปี 2553 ด้วยวิธีการ Backdoor หุ้น APC บริษัทนี้เป็นบริษัท trading ถ่านหิน มูลค่าบริษัท (market cap) เคยมากสุดถึง 30,000 ล้านบาท ในปี 2013
ช่วงก่อนที่จะเกิดเรื่อง market cap ของบริษัทมีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ธุรกิจหลักของบริษัทนี้คือ ว่าจ้างบริษัทอื่นไปขุดถ่านหินในเหมืองที่อินโดนีเซีย และส่งออกไปขายให้ ประเทศต่างๆ ประเทศหลักคือ จีน ซึ่งก็ดูเหมือนเป็นธุรกิจที่คล้ายๆ กับบริษัทถ่านหินอื่นในตลาดหลักทรัพย์ไทย แต่เรื่องมีอยู่ว่าวันหนึ่งหุ้นได้ตกลงมา -30% ภายในวันเดียว หรือ FLOOR ซึ่งเรียกได้ว่าคนที่ขายหุ้นอยากขายทุกราคาเลยทีเดียว
11 พค 2560 ราคาหุ้นร่วง FLOOR แรก
12 พค 2560 ราคาหุ้นร่วง FLOOR สอง
สองวันนั้นทุกคนสงสัยว่าหุ้นนี้เกิดอะไรขึ้น มีข่าวลือว่าผู้บริหารทะเลาะกัน ต่อมาผู้บริหารปฏิเสธว่ายังรักกันดี และพื้นฐานบริษัทไม่เปลี่ยน ที่ราคาลงเป็นไปตามภาวะตลาดในตอนนั้น นี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ทั้งหมด และความจริงต่อมาไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้บริหารพูด ช่วงนั้นทุกคนจะมีคำถามว่าใครเป็นคนทุบหุ้น EARTH กันแน่
สรุปคำตอบก็คือ เจ้าของหุ้น EARTH เองเอาหุ้นตัวเองไปค้ำประกันกับโบรคเกอร์ เพื่อกู้เงินก้อนไปลงทุนในธุรกิจอื่น ซึ่งจำนวนหุ้นที่ถูกบังคับขายตามรายงาน 246-2 มีมากถึง 9.59% ของบริษัท หรือ 339,160,100 หุ้น ที่น่าสนใจคือในรายงาน 59-2 ซึ่งเป็นรายงานของการขายของผู้บริหาร ราคาที่ถูกบังคับขายในรายงานคือ FLOOR แรกที่ 2.84 บาทต่อหุ้น และ FLOOR ที่สอง 1.98 บาทต่อหุ้น
โดยจำนวนหุ้นส่วนใหญ่จะถูกขายในราคา FLOOR ที่สอง ต่อมาผู้บริหารยอมรับว่ากู้เงินโบรคโดยเอาหุ้นค้ำ เพราะเอาเงินไปทำอย่างอื่น พอราคาหุ้นตก ทำให้ต้องถูก FORCED SELL บังคับขายหุ้นเพื่อเอาเงินมาใช้คืนโบรค การกู้เงินโบรคโดยเอาหุ้นค้ำใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “FUTURES”
FUTURES คือ สัญญาที่อ้างอิงกับหุ้นอีกทีหนึ่ง แต่จะ leverage ได้ หมายความว่า 1 สัญญาฟิวเจอร์ส จะเท่ากับ 1,000 หุ้น แต่ใช้เงินวางน้อยกว่ามาก
แต่เนื่องจากสัญญาฟิวเจอร์สในตลาดไม่มีสภาพคล่อง แต่โบรคเกอร์ก็หาวิธีที่คิดค้นขึ้นมาใหม่เรียกว่า BLOCK TRADE สามารถให้นักลงทุนซื้อ Futures ได้โดยตรงกับโบรคเกอร์ โดย ขานึงโบรคเกอร์จะรับขาย Futures แต่อีกขานึงโบรคเกอร์จะไปซื้อหุ้น EARTH ในตลาดในมูลค่าที่เท่ากันเพื่อปิดความเสี่ยง แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะการ leverage มันจะเร่งให้เงินของนักลงทุนได้และเสียเร็วกว่าปกติ เช่นถ้าเราใช้ leverage 4 เท่า หุ้นลงไป 25% ก็เหมือนเราเงินหมดตัวไป 100% แล้ว
โบรคเกอร์จึงตั้งเงื่อนไขว่า ถ้าหุ้น EARTH ลง ไปถึงระดับหนึ่ง โบรคเกอร์จำเป็นต้องบังคับขายทุกราคา (FORCED SELL) เพราะกลัวว่าเมื่อนักลงทุนหมดตัวจะไม่มีเงินมาจ่ายถ้าหุ้นยังลงไปอีก เมื่อบังคับขายหุ้น EARTH ทุกราคา ราคาก็เลยลงติด FLOOR
เรื่องนี้เป็นบทเรียนว่า การกู้เงินมาซื้อหุ้นนั้น มีความเสี่ยงที่จะถูกบังคับขายขาดทุน และอย่าประมาทว่าเราจะเป็นคนคุมราคาตลาดได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ แต่มหากาพย์ยังดำเนินต่อไป เวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ 7 มิ.ย. 2560 บริษัทประกาศผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว B/E 40 ล้านบาท และบอกว่าน่าจะจ่ายคืนหนี้งวดต่อๆ ไปไม่ได้เช่นกัน 8 มิ.ย. 2560 ราคาหุ้นร่วง FLOOR ที่สาม ตอนนี้คนเริ่มสงสัยว่าหนี้ของบริษัท EARTH มีเท่าไรบ้าง?
ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2560 บริษัท EARTH มีหนี้รวมกันถึงมากถึง 23,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายการใหญ่ๆ คือ
1) ตั๋วแลกเงิน 2,382 ล้านบาท
2) ทรัสต์รีซีท 5,308 ล้านบาท
3) แพคกิ้งเครดิต 4,791 ล้านบาท
4) เงินกู้ธนาคาร 4,213 ล้านบาท
5) หุ้นกู้ 5,475 ล้านบาท
หลายคนอาจบอกว่าหนี้พวกนี้ บริษัทฯ สามารถหมุนไปเรื่อยๆ ได้ก็จริงอยู่ แต่สถานการณ์ ณ ตอนนี้ ถ้าเราเป็นเจ้าหนี้ เราจะให้บริษัทนี้กู้เราต่อไหม? มาดูกันว่า EARTH มีหนี้ที่จะต้องชำระในปีนี้เท่าไร
ในจำนวนหนี้ทั้งหมด 23,000 ล้านบาท มีหนี้ที่ครบกำหนดชำระภายในปีนี้ มากถึง 14,932 ล้านบาท.. ประเด็นที่น่าสนใจต่อไปก็คือ ใครให้ EARTH กู้บ้าง?
เฉลยออกมาว่า portion ที่ใหญ่ที่สุดคือธนาคารกรุงไทย ซึ่งรวมกันเป็นมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งล่าสุดในงบการเงินไตรมาส 2 ธนาคารกรุงไทยได้ตั้งสำรองหนี้ของ บริษัท EARTH ให้เป็น NPL เต็มจำนวนไปแล้วที่ 1.2 หมื่นล้านบาท
Portion ต่อมาคือบริษัท หรือ บุคคลอื่น ที่มีเงินสดเหลือไปให้ EARTH กู้ ในรูปแบบ หุ้นกู้ และ ตั๋วแลกเงิน แล้ว EARTH มีทรัพย์สินอะไรอยู่บ้างเมื่อเทียบกับหนี้ 23,000 ล้านบาท? ทรัพย์สินรายการใหญ่ๆของ EARTH ณ ไตรมาส 1 2560 มีดังนี้
1) EARTH มีเงินสด 1,238 ล้านบาท
2) มีลูกหนี้การค้า 5,734 ล้านบาท
3) สินค้าคงเหลือ 1,978 ล้านบาท
4) เงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้า 8,461 ล้านบาท
5) ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 1,821 ล้านบาท
6) สิทธิในเหมืองถ่านหิน 8,207 ล้านบาท
7) เงินจองสิทธิในการซื้อสินค้า 7,608 ล้านบาท
น่าตกใจว่านอกจากเงินสดแล้ว EARTH มีทรัพย์สินที่จับต้องได้คือ ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ แค่ 1,821 ล้านบาท และทรัพย์สินส่วนใหญ่ของ EARTH จะเป็น “สิทธิในเหมือง และการซื้อสินค้า” ที่เหลือก็เป็นสินค้าคงเหลือ ซึ่งธุรกิจของบริษัทคือ ถ่านหินก็คงต้องไปตรวจสอบว่า สิทธิ นี้คืออะไร มีอยู่จริงไหม ถ้าสิทธินี้ไม่สามารถยึดมาเป็นหลักประกันได้ ก็น่าเป็นห่วง
ดังนั้นวันที่ 8 มิ.ย. 60 กลต. จึงได้สั่งให้ EARTH ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีการผิดนัดชำระตั๋ว B/E ว่าจะมีผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือไม่ ภายใน 7 วัน
เมื่อ 7 วันผ่านไป เช้าวันที่ 15 มิ.ย.60 บริษัท EARTH แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ได้ผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงิน และหุ้นกู้จะกำลังถูกเรียกคืนเงินต้น ซึ่งจะกระทบสภาพคล่องของบริษัทอย่างหนัก
ย้อนกลับไปหนึ่งวันก่อนหน้านั้น หลังจากที่หุ้น EARTH ได้ดำดิ่งไปแล้ว แต่กลับมีคนมาช้อนซื้อซึ่งอาจจะคิดไปเองว่าบริษัทคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก การซื้อขายหุ้น EARTH ในวันก่อนหน้านั้นกำลังคึกคักเปรียบเหมือนงานปาร์ตี้ แต่ หลังจากการแจ้งข่าวของ EARTH ออกไม่นาน ตลาดหลักทรัพย์ก็ได้ขึ้น H และ SP ไม่ให้คนซื้อขายหุ้น EARTH ทันที และหลังจากนั้นมา หุ้น EARTH ก็ซื้อขายไม่ได้อีกเลย.. จนถึงวันนี้ ทำไมตลาดหลักทรัพย์ถึงตัดสินใจ SP ? สิ่งที่ตลาดได้ให้เหตุผลในการ SP คือ บริษัท EARTH ชี้แจงไม่ครบถ้วน เหตุการณ์นี้กระทบกับคนจำนวนมากขนาดไหน?
ถ้ารวมการซื้อขายที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพียง 5 วัน จะมีมูลค่ามากถึง 9,300 ล้านบาท หรือเกือบ 2 เท่า ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เรียกได้ว่าแทบจะเปลี่ยนเจ้าของบริษัทกันเลยทีเดียว ทำให้ตอนนี้น่าจะมีคนจำนวนมากติดหุ้น EARTH อยู่ย้อนกลับไปวันปิดสมุดบัญชี เดือนมีนาคม มีผู้ถือหุ้น EARTH 7,201 คน
แต่จากเหตุการณ์งานปาร์ตี้มีคนถือหุ้น EARTH มากถึง 18,000 คน! (ข้อมูลจากผู้บริหารEARTH ล่าสุด)
วันที่ 23 มิ.ย. 60 กลต. สั่งให้ EARTH จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ หรือ special audit โดยต้องเป็นผู้สอบบัญชีจากบริษัท big4 เพื่อตรวจสอบรายการเงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้าและเงินจองสิทธิในการซื้อสินค้าว่ามีจริงหรือไม่? และ เปิดเผยผลการตรวจสอบภายใน 30 วัน 28 วันผ่านไป วันที่ 21 ก.ค. 60 บริษัท EARTH ขอผ่อนผันการส่งรายงานผล special audit ต่อ กลต. ให้ขยายเวลาออกไป เพราะอยู่ในระหว่างการรอเสนอราคาจากสำนักงานสอบบัญชี แต่ต่อมา กลต.ไม่ผ่อนผันให้ และเร่งให้ EARTH นำส่งรายงานผล special audit โดยเร็ว
วันที่ 24 ก.ค. 60 บริษัท EARTH ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัท เพราะตอนนี้อยู่ในภาวะที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน พอเรื่องเป็นอย่างนี้ทุกคนก็ งง! เป็นไก่ตาแตก ก่อนหน้านี้ในงบการเงินล่าสุด EARTH มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินอยู่ 10,686 ล้านบาท อยู่ดีๆหนี้สินเพิ่มมาจากไหน ตลาดหลักทรัพย์ได้ขอให้ EARTH แจกแจงว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นมาเป็นของเจ้าหนี้ไหนบ้าง มีการตั้งด้อยค่าทรัพย์สินหรือไม่
สรุปแล้ว EARTH ชี้แจงกลับไปว่า มีหนี้เกิดขึ้นมาใหม่ 26,000 ล้านบาท เกิดจากคู่ค้าของบริษัทฯ ได้ยื่นฟ้องบริษัท ต่อมาวันที่ 7 ส.ค. 60 มีประเด็นเรื่องใหม่เกิดขึ้นอีก คราวนี้ไปเกี่ยวกับธนาคารธนชาตผู้บริหาร EARTH บอกว่าบริษัทมีเงินสดในธนาคารธนชาตประมาณ 800 ล้านบาท และจะโยกเงินสดที่มีอยู่ในประเทศไทยไปหมุนเวียนตามแผนธุรกิจที่ประเทศจีน แต่กลายเป็นว่าถูกอายัดบัญชี โดย EARTH ฟ้องธนาคารธนชาต 60,000 ล้านบาท โดยอ้างว่า ธนาคารธนชาตนำข้อมูลความลับของบริษัทฯ ไปเปิดเผย
ซึ่งธนาคารธนชาตก็ชี้แจง ขอปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ว่าธนาคารธนชาตมีนโยบาย ขั้นตอน วิธีการ ที่ชัดเจนและเข้มงวด ด้วยมาตรฐานระดับสูงในการดูแลรักษาความลับของลูกค้า ที่ EARTH โดนอายัดบัญชีเป็นการดำเนินการตามคำสั่งของศาลจากการร้องขอของเจ้าหนี้รายหนึ่ง และธนาคารธนชาตก็ขอสงวนสิทธิในการฟ้องกลับ EARTH ด้วย ที่น่าสนใจคือ ธนาคารธนชาตยังไม่ได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องที่ EARTH ฟ้องศาลเลย
ก็น่าแปลกใจว่า EARTH ไม่มีเงินชำระหนี้ตั๋ว B/E และหุ้นกู้ แต่กำลังอยากขนเงินสดไปเมืองจีนประเด็นที่น่าสนใจต่อมาคือ ในการแถลงข่าวครั้งนี้คือ ผู้บริหาร EARTH เปิดใจกับคนที่ถามว่าทำไมถึงถูกธนาคารกรุงไทยระงับสินเชื่อ ผู้บริหารตอบว่า ธนาคารกรุงไทยขอสำเนาสัญญาซื้อขายถ่านหิน แต่บริษัท EARTH ไม่อยากให้ เพราะกลัวความลับลูกค้ารั่วไหล หลังจากนั้น ธนาคารกรุงไทยจึงระงับสินเชื่อ ประเด็นนี้ก็น่าคิดว่าถึงเวลานี้แล้ว EARTH ยังกลัวความลับลูกค้ารั่วไหล มากกว่าการได้เงินสินเชื่อจากธนาคารกรุงไทย หรือมีอะไรซ่อนอยู่ในสัญญาซื้อขายกันแน่
สุดท้ายวันที่ 9 ส.ค. 60 กลต. สั่งให้เวลา EARTH อีก 5 วันทำการให้ตั้ง special audit โดยด่วน และอธิบายว่าหนี้ที่งอกมาใหม่ 26,000 ล้านบาท เพื่อที่จะอ้างได้ว่าขอเข้าแผนฟื้นฟูนั้น มีที่มาอย่างไรบ้าง ถ้าไม่ปฏิบัติตาม กรรมการและผู้บริหารของ EARTH อาจถูกดำเนินการตามกฎหมายซึ่งมีทั้งโทษทางอาญา และทางแพ่ง แต่ปรากฎว่าในการแถลงข่าวของผู้บริหาร EARTH ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ด้วยว่าได้เชิญให้ผู้สอบบัญชี big4 แล้วแต่ไม่มีผู้สอบบัญชี big4 รายไหนรับข้อเสนอนี้เละ ก็ไม่ทราบว่าเรื่องราวต่อไปจะจบลงแบบไหน ต้องติดตามกันต่อไป??