18 ธันวาคม 2560 : นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะวางแผนภาษีในช่วงปลายปีกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย สำหรับประกันชีวิต นอกจากจะเป็นเครื่องมือช่วยบริหารความเสี่ยงทางด้านการเงินแล้ว ยังเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ภาครัฐให้ความสำคัญและอยากให้คนไทยมีประกันชีวิตเพื่อเป็นหลักประกันอนาคตจึงได้มีมารตรการทางด้านภาษีมาเป็นตัวกระตุ้น
โดยกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดระยะเวลาคุ้มครอง ตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตที่ชำระมาลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดถึง 100,000 บาท ส่วนประกันชีวิตแบบบำนาญสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตที่ชำระไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 200,000 บาท และล่าสุดภาครัฐได้ให้ความสำคัญลงมติเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 ให้สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพตามจำนวนที่จ่ายจริงมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ไม่เกิน 15,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท โดยเป็นเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ประกันสุขภาพที่สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้นั้นต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ
1.การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอันเกิดจากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ การชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ 2.การประกันอุบัติเหตุเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล 3.การประกันภัยโรคร้ายแรง และ 4.การประกันภัยการดูแลระยะยาว
นอกจากนี้ในกรณีของบุตรที่ดูแลบิดา มารดา โดยซื้อกรมธรรม์ประกันลูกกตัญญู จะสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพของบิดา มารดามาหักลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท และถ้ามีพี่น้องหลายคนสามารถแบ่งหักลดหย่อนภาษีได้เท่าๆ กัน ทั้งนี้บิดา มารดาต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี