12 ธันวาคม 2560 : มร. ฮิเดคาสึ อิโตะ กรรมการผู้จัดการบริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยถ่านพานาโซนิคได้รับความไว้วางใจในประสิทธิภาพ และสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี
ล่าสุด พานาโซนิคได้วางงบประมาณการตลาด 100 ล้านบาท ตลอดจนการให้ เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของผลิตภัณฑ์ถ่านพานาโซนิค อัลคาไลน์ เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผ่านช่องทางต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น โฆษณาทางโทรทัศน์ สปอทวิทยุ บิลบอร์ด ป้ายโฆษณาOut of Home กิจกรรมโรดโชว์ ป้ายหน้าร้านค้า และช่องทางออนไลน์อย่างเฟซบุ๊คและยูทูป
ทั้งนี้ พานาโซนิคยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ผ่านผู้แทนจำหน่าย (Dealer)60% และห้างสรรพสินค้า 40% รวมถึงการที่มีฐานการผลิตถ่านอัลคาไลน์ในประเทศซึ่งผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะได้ใช้งานถ่านไฟฉายที่มีความใหม่อยู่เสมอ ทำให้ประเทศไทยเป็น1 ใน 3 ประเทศเป้าหมายที่บริษัทแม่ในประเทศญี่ปุ่นตั้งเป้าการทำตลาดเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอัลคาไลน์ ร่วมกับประเทศอินเดีย และบราซิล
ด้าน นายวิฑูรย์ เหล่าวีระกุลผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ถ่านไฟฉายบริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดถ่านไฟฉายในไทยมีมูลค่ารวมกว่า 4,000ล้านบาท โดยพานาโซนิคมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 83% ส่วนในเซกเม้นต์ของถ่านอัลคาไลน์นั้น พานาโซนิคก็เป็นผู้นำตลาด โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 72% ซึ่งบริษัทฯ เล็งเห็นว่ายังสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากผลการวิจัยพบว่าผู้บริโภคมีโอกาสเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อถ่านไฟฉายได้หากพบว่ามีคุณภาพดีกว่า หรือ มีอายุการใช้งานยาวนานเพิ่มขึ้น
พานาโซนิคจึง กำหนดกลยุทธ์เพื่อเพิ่มสัดส่วนการขายถ่านอัลคาไลน์ ด้วยการสื่อสารไปยังผู้บริโภคให้เห็นถึงประสิทธิภาพการใช้งานที่ยาวนานกว่า 10 เท่า (เมื่อเทียบกับถ่านธรรมดา) และสามารถใช้ได้ดีกับทุกอุปกรณ์ โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ที่มีความต้องการพลังงานเพิ่มมากขึ้น อาทิ กล้องดิจิทัล ของเล่น เม้าท์ไร้สาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าดูแลร่างกาย เป็นต้น
จากการทดสอบประสิทธิภาพ ความแตกต่างระหว่างถ่านพานาโซนิคอัลคาไลน์และถ่านพานาโซนิคธรรมดาพบว่า ถ่านพานาโซนิคพลังไฟยาวนานกว่า 10 เท่า และสามารถเก็บไว้ใช้งานได้นานถึง 10 ปี ซึ่งเมื่อเทียบกับถ่านพานาโซนิคธรรมดา และทดสอบกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อดูแลร่างกายตามมาตรฐาน ANSI (750mA, 2mph/8hpd, 1.1V) ผลการทดสอบพบว่าถ่านพานาโซนิค อัลคาไลน์สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่าถึง 11.6 เท่า คือ 45.99 นาที แต่ถ่านพานาโซนิค ธรรมดาใช้ได้เพียง 3.98นาที ซึ่งนอกจากการดีไซน์บรรจุภัณฑ์ของสินค้าใหม่แล้ว ยังมีคำอธิบายภาษาไทยเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น พร้อมวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2560 ในราคา 1 คู่ 48 บาท และแบบ 2 คู่ ในราคา 92 บาท
ปัจจุบัน ถ่านพานาโซนิค อัลคาไลน์ มียอดเติบโตถึง 30% ของตลาด พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายจากแคมเปญการทำการตลาด เพื่อยกระดับความต้องการจากถ่านพานาโซนิคธรรมดาเป็นถ่านพานาโซนิคอัลคาไลน์ จะสามารถเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งมียอดจำหน่ายพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าหรือ 52% ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า หรือปี 2565 คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,000 ล้าน โดยขยายผลผลิตจาก 1,000 ล้านก้อนขึ้นไป 10% และในอนาคต ยังมีแผนออกสินค้าตัวใหม่ พร้อมทั้งการเปลี่ยนแปลงแพ็กเก็ตต่างๆ ในรูปแบบ แพ็ก 12 และ 20 ก้อนอีกด้วย