กรุงเทพฯ 7 ธันวาคม 2560 : บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) หนึ่งในธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) ดำเนินการพัฒนา ลงทุน และแมกโนเลียส์ (Magnolias) ดิ แอสเพน ทรี (The Aspen Tree) และ วิสซ์ดอม (Whizdom) เปิดตัวแผนพัฒนาธุรกิจบนพื้นที่บางนา สู่การพลิกวงกรอสังหาริมทรัพย์ จับมือพาร์ทเนอร์ระดับโลก ร่วมสร้างสรรค์โครงการ “THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์” โปรเจกต์แฟลกชิพ ครั้งแรกของโลก มูลค่าไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาท
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC ) กล่าวว่า “THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ เกิดขึ้นด้วยคำถามที่ว่า ความสุขที่แท้จริงของชีวิตเราคืออะไร อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายในการตอบ เพราะความสุขของแต่ละคนแตกต่างและไม่เท่ากัน แต่มีอย่างหนึ่งที่แน่ชัดคือความสุขนั้น ต้องส่งผลให้กับตัวเราทั้งร่างกาย จิตใจ คนรอบข้าง และสิ่งแวดล้อม นี้คือพื้นฐานของนิยาม ความสุขที่ยั่งยืน
บริษัทมีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดช่องว่างและสร้างความสุขอย่างยั่งยืน ภายใต้คำมั่นสัญญา for all well-being ความตั่งใจในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิตเพื่อส่งผลดีต่อทุกการดำเนินชีวิต ผ่านการออกแบบที่ใส่ใจธรรมชาติ การนำนวัฒกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ในการร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงการเพิ่มพื้นที่เพื่อให้คนในครอบครัวทั้ง 4 เจนเนอเรชั่น ได้แก่ ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ลูกหลาน และเหลน ได้ใช้เวลาร่วมกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกัน จนเกิดเป็นคอมมิวนิตี้ที่น่าอยู่ขึ้น
นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เปิดเผยว่า ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในการสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่นำคำว่า “ความสุขที่แท้จริง” เป็นโจทย์ในการดำเนินงาน โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกมาร่วมดีไซน์และสร้างสรรค์โครงการ จึงเกิดเป็นโปรเจกต์แฟลกชิพครั้งแรกของโลก “THE FORESTIAS – เดอะฟอเรสเทียส์” นิยามแห่งการสร้างสรรค์โครงการอสังหาริมทรัพย์สู่ปรากฏการณ์ใหม่ มูลค่าโครงการมากกว่า 90,000 ล้านบาท พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “Imagine Happiness” ที่ให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่มีความสุขอย่างยั่งยืน
โดยเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed-Use Lifestyle โมเดลแรกของโลกที่ครบบริบูรณ์รายล้อมด้วยโครงการที่อยู่อาศัย พื้นที่รีเทล อาคารและสำนักงาน ศูนย์สุขภาพ อาคารนวัตกรรมแห่งอนาคต ผืนป่าสันทนาการ พื้นที่กิจกรรมสำหรับชุมชน ศูนย์เรียนรู้ และนับเป็นครั้งแรกของการสร้างธรรมชาติระบบนิเวศของผืนป่าที่สมบูรณ์ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย
โดยในโครงการได้ใช้องค์ประกอบสำคัญ 4 หมวดใหญ่ หรือ Eternal 4 ประกอบด้วย คือ 50 Shades of Nature ความสุขในการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติระบบนิเวศขนาดใหญ่ Connecting 4 Generations ความสุขในการดีไซน์พื้นที่ความอบอุ่นให้กับครอบครัวได้ใช้ชีวิตร่วมกันครอบคลุมถึง 4 เจนเนอเรชั่น Community of Dreams ความสุขบนพื้นที่และสาธารณูปโภคที่ให้ทุกคนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน Sustainnovation for Well-being ความสุขด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
นับเป็นโมเดลแรกของโลก ได้แก่ Foster + Partners ที่ปรึกษาการออกแบบวางผังและงานสถาปัตยกรรม EEC Engineering Network ร่วมวิจัยและพัฒนางานระบบอาคาร ตามแนวทางของบริษัท คือ ยึดหลัก Sustainnovation ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้ามาสร้างต้นแบบของงานระบบอาคารที่เน้นความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ของโครงการ Atelier Ten ร่วมทำวิจัย ศึกษาและวางแผนการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งรวมไปถึงระบบนิเวศให้มีความสมดุลและยั่งยืน
โดยการใช้นวัตกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นผู้ตรวจสอบและควบคุมการออกแบบและการก่อสร้างเพื่อเป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการชั้นนำของโลก ITEC Entertainment จะเป็นผู้สร้างสรรค์ประสบการณ์และสันทนาการที่จะเกิดขึ้นภายในโครงการ เพื่อทำให้ผู้อยู่อาศัยและผู้เยี่ยมเยือนโครงการได้พบกับประสบการณ์ที่พิเศษสุด Six Senses
“THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ ” โปรเจกต์แฟลกชิพ ที่นำเสนอโมเดลการใช้ชีวิตเข้ากับระบบนิเวศที่สมดุล ภายใต้คอนเซ็ปต์ Imagine Happiness โดดเด่นด้วยการสร้างสรรค์ประสบการณ์แบบ Mixed-Use Lifestyle บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ รายล้อมด้วยโครงการที่อยู่อาศัย พื้นที่รีเทล อาคารและสำนักงาน ศูนย์สุขภาพ อาคารนวัฒกรรมแห่งอนาคต ผืนป่าสันทนาการ พื้นที่กิจกรรมสำหรับชุมชน ศูนย์การเรียนรู้ และนับเป็นครั่งแรกของการสร้างระบบนิเวศของผืนป่าที่สมบูรณ์ขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย เพื่อตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว
ทั้งนี้ โครงการ “ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ ”ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ บริเวณบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 7 โดยเริ่มต้นดำเนินการก่อสร้างปี พ.ศ 2561 และจะแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2565 
