1 ธันวาคม 2560 : นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ รองผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือนต.ค.60 อยู่ที่ระดับ 110.41 ขยายตัว 0.48% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม 10 เดือนแรกปี 2560 (ม.ค.-ต.ค.) ขยายตัว 1.38% ส่งสัญญาณบ่งบอกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังขยายตัวต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำแท่ง) ที่ขยายตัวถึง 14.7%
รวมถึงการนำเข้าสินค้าทุนที่ขยายตัว 6.1% และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำแท่ง) ที่ขยายตัวถึง 13.8% โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำมันพืช เครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ แปรรูปผลไม้และผัก และเฟอร์นิเจอร์
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) มีการขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัว 44.67% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน จากสินค้ายางแผ่นและยางแท่ง เนื่องจากปีก่อนภาคใต้ประสบปัญหาน้ำท่วมทำให้ไม่สามารถกรีดยางได้ปริมาณน้ำยางจึงมีน้อยกว่า และปีนี้มีการขยายตลาดรวมถึงลูกค้าจีนยังคงมีความต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยอย่างต่อเนื่อง
น้ำมันพืช ขยายตัว 49.71% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน จากสินค้าน้ำมันปาล์มดิบ เนื่องจากปีนี้มีฝนตกอย่างต่อเนื่องทำให้ได้ผลผลิตปาล์มสูง ในขณะที่ปีก่อนภาคใต้ประสบปัญหาน้ำท่วมไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลปาล์มได้ รวมถึงภาครัฐมีมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันโดยการปรับสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซล จากน้ำมันบี 5 เป็นน้ำมันบี 7 ส่งผลให้ระดับการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตเป็นไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 12,000 ตัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2560
เครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ ขยายตัว 5.16% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน จากสินค้าเครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก โดยปริมาณการจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 4.48% ส่วนปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น 13.01%
แปรรูปผลไม้และผัก ขยายตัวเพิ่มขึ้น 22.87% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน จากสินค้าสับปะรดกระป๋องเป็นหลัก เนื่องจากปีนี้มีฝนตกต่อเนื่องตลอดปี ทำให้ได้ผลผลิตสับปะรดออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ประกอบกับไตรมาส 3 ของปีก่อน พื้นที่เพาะปลูกบางแห่งประสบปัญหาน้ำท่วมทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยกว่าปกติ
เฟอร์นิเจอร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 21.95% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน จากสินค้าเครื่องเรือนทำด้วยไม้เป็นหลัก โดยมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเพื่อจำหน่ายในช่วงคริสมาสต์
ขณะที่สินค้าในอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน การผลิตเดือนตุลาคมลดลง 22.44% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากสินค้าคอนเดนซิ่งยูนิต แฟนคอยล์ยูนิต และคอมเพรสเซอร์ จากสภาพอากาศแปรปรวนทำให้ไม่สามารถทำตลาดได้ตามเป้า และจากการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายในประเทศ ลดลง 22.69% ส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้น 1.43% จากการขยายตลาดไปยุโรปเพิ่มขึ้น
เครื่องประดับ การผลิตเดือนตุลาคมลดลง 26.16% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากสินค้าต่างหู รองมาคือ แหวน จี้ และเพชร ตามการชะลอตัวของตลาดโลกรวมถึงราคาทองคำที่ผันผวน ส่งผลให้ลูกค้าหลักมีความต้องการบริโภคสินค้าเครื่องประดับและเพชรลดลง
การปั่นเส้นใยสิ่งทอ การผลิตเดือนตุลาคมลดลง 20.11% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากสินค้าเส้นด้ายและผ้าทอ เช่น ผ้าทอฝ้าย ผ้าทออื่นๆ และด้ายฝ้ายผสม เป็นหลัก โดยลดลงจากตลาดในประเทศและส่งออก ซึ่งตลาดในประเทศประสบปัญหาการนำเข้าสินค้าราคาถูกมาจำหน่ายมากขึ้น ส่วนการส่งออกประเทศคู่แข่งเช่น เวียดนาม จีนได้เข้าไปลงทุนในสิ่งทอต้นน้ำทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยลดลง และกลายมาเป็นประเทศคู่แข่งที่สำคัญในตลาดส่งออกแทน