27 พฤศจิกายน 2560 : ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่สำนักงาน คปภ. ได้รับเชิญจาก Governor Choe Heungsik ผู้ว่าการ Financial Services Supervision (FSS) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินของประเทศเกาหลี เพื่อประชุมร่วมกันเกี่ยวกับความร่วมมือในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย และเข้าร่วมสัมมนา “International Fintech Seminar : Fintech Landscape and Supervisory Challenges” ระหว่างวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2560 ณ กรุงโซล ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า การวางนโยบายการกำกับดูแลในยุคที่เทคโนโลยีเฟื่องฟูอย่างมากในภาคการเงินและการประกันภัย ควรคำนึงถึงการรักษาสมดุล มิให้การกำกับดูแลมากเกินไปกลายมาเป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของภาคการเงิน ซึ่งบางครั้งเทคโนโลยีก็ก้าวไปอย่างรวดเร็วกว่าที่หน่วยงานกำกับจะสามารถออกกฎระเบียบมาควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการกำกับดูแลจึงควรเปิดพื้นที่ให้กับผู้เล่นที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
แต่ในขณะเดียวกันควรมุ่งเน้นการคุ้มครองดูแลผู้บริโภคเพื่อมิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยเฉพาะการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอ การป้องกันการฉ้อฉลและการสร้างกลไกในการจัดการข้อพิพาทต่างๆ โดยพบว่าในหลายประเทศก็ยึดแนวทางนี้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้หน่วยงานกำกับควรมี “Sup Tech” ที่เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้สร้างกระบวนการกำกับดูแลในแบบอัตโนมัติ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวางมาตรการกำกับดูแล ซึ่งสำนักงาน คปภ. ก็ได้มีนโยบายและริเริ่มที่จะนำ “Sup Tech” นี้มาใช้ยกระดับการกำกับดูแลในยุค “InsurTech”
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. และ FSS ได้เคยมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ร่วมกันตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา โดยกำหนดความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการพัฒนาศักยภาพในการกำกับดูแล ทั้งนี้ตนและผู้ว่าการ FSS เห็นพ้องต้องกันที่จะกระชับความร่วมมือระหว่างกันให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
โดยในเร็วๆนี้ FSS จะถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Audit) ซึ่งเป็นแผนงานที่สำคัญของสำนักงาน คปภ. ในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยดิจิทัล นอกจากนี้ FSS พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ในการกำกับดูแลการขายประกันภัยผ่านธนาคาร (Bancassurance) ซึ่ง FSS มีกฎระเบียบที่มุ่งเน้นให้ประชาชนได้มีทางเลือกในการเลือกซื้อประกันภัยและให้มีการเสนอขายที่เหมาะสม
“ธุรกิจประกันภัยไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก และตอนนี้ก็มีนักลงทุนต่างชาติหลายรายให้ความสนใจจะเข้ามาลงทุนในบ้านเรา ซึ่ง คปภ. เองก็มีหลักเกณฑ์ในการคัดกรองคุณสมบัติของนักลงทุนที่จะเข้ามาให้ต้องมีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและความเชี่ยวชาญที่จะนำมาถ่ายทอดและพัฒนาธุรกิจประกันภัยในประเทศ โดยความเชี่ยวชาญด้านการนำเทคโนโลยีมาสร้างนวัตกรรมและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์และนำมาต่อยอดให้กับธุรกิจประกันภัยไทยได้” เลขาธิการ คปภ. กล่าว