21 พฤศจิกายน 2560 : นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เปิดเผยว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกอยู่ในแนวโน้มช่วงขาขึ้น ภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้และคาดการณ์ปรับขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลจึงมองโอกาสการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก
โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Country) สามารถที่จะสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นได้ จึงเปิดตัวกองทุน ‘ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลบอล โทเทิล รีเทิร์น’ (CIMB-Principal Global Total Return Fund) ที่เข้าลงทุนใน Templeton Global Total Return Fund เพียงกองทุนเดียว(กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก
ทั้งนี้ ‘กองทุน Templeton Global Total Return Fund’ ซึ่งเป็นกองทุนหลัก บริหารจัดการโดย Franklin Templeton International Services S.à.r.l. เป็นกองทุนรวมต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นในปี 2003 ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ บริหารงานโดย Dr. Michael Hasenstab ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยกองทุนฯ ให้อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีเฉลี่ย 7.57% ต่อปี (ดัชนีอ้างอิง 3.85% ต่อปี) สูงสุดเป็นอันดับ 1 จากทั้งหมด 437 กองทุนในกลุ่มโกลบอล บอนด์ และได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 2560)
สำหรับจุดเด่นของกองทุนหลักดังกล่าว คือการบริหารเงินลงทุนด้วยกลยุทธ์ 3C ประกอบด้วย 1) Coupon (Yield Curve) การบริหารจัดการ Duration หรืออายุเฉลี่ยตราสารหนี้เพื่อลดผลกระทบจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น โดยมีอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ที่ถือครองเพียง 0.10 ปีเท่านั้น แต่ยังคงให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8.32% และสามารถจ่ายปันผลทุกปี เฉลี่ยปีละ 4.65% ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา 2) Credit การวางกลยุทธ์ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่เศรษฐกิจกำลังพัฒนา
3) Currency การวางกลยุทธ์บริหารการลงทุนในสกุลเงินต่างประเทศบนปัจจัยพื้นฐาน โดยค่าเงินของประเทศในตลาดเกิดใหม่ในปัจจุบัน ยังซื้อ-ขายที่ระดับต่ำกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 2 ครั้งที่ผ่านมา จึงประเมินความเสี่ยงที่ค่าเงินจะลดลงนั้นค่อนข้างต่ำประกอบกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจของในตลาดเกิดใหม่หลายๆ ประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากค่าเงินที่แข็งขึ้นอีกด้วย
*Source : Templeton Global Total Return Fund Presentation, Data as of 31 December 2016
ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวอีกว่า Templeton Global Total Return Fund มีมุมมองในการลงทุนที่น่าสนใจ โดยมองภาวะเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและระดับเงินเฟ้อที่เข้าใกล้เป้าหมาย ตลอดจนนโยบายทางการเงินที่เกื้อหนุน จะส่งผลดีต่อโอกาสการลงทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น ประเทศบราซิลที่เศรษฐกิจในปัจจุบันมีเสถียรภาพมากขึ้น ประเทศเม็กซิโกที่เศรษฐกิจเติบโตได้ดีหลังผ่านพ้นวิกฤตและคาดว่าได้รับผลกระทบไม่มากจากนโยบายกีดกันทางการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ หรือประเทศอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีอุปสงค์ในประเทศแข็งแกร่งและไม่ได้พึ่งพาเศรษฐกิจจีนมากนัก เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ยังมีมุมมองต่อความเสี่ยงจากการปรับตัวอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในประเทศใหญ่ๆเพิ่มขึ้น เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ อย่างไรก็ตาม กองทุนได้วางกลยุทธ์รับมือดอกเบี้ยขาขึ้นด้วยการลดอายุเฉลี่ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมทั้งถือสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในเวลาเดียวกันเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี รวมถึงมองว่าธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อรักษาเศรษฐกิจฟื้นตัว ดังนั้น กองทุนดังกล่าวจึงวางกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินเยนและยูโรเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี
ขณะที่จุดเด่นของกองทุนหลักคือ การจ่ายเงินปันผลที่ดีนับแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงปัจจุบัน กองทุนมีผลตอบแทนรวมถึงผลตอบแทนหลังปรับค่าความเสี่ยง (Sharpe Ratio) ในระยะยาวที่ดีกว่าตลาด และจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุนได้ทุกปี ในระดับเฉลี่ยราว 4% (Source : Franklin Templeton and Barclays, Data as of 31 December 2016) “เราเชื่อว่ากองทุนซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลบอล โทเทิล รีเทิร์น จะเป็นทางเลือกที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยมีทีมบริหารของ Templeton ที่มีความเชี่ยวชาญทำหน้าที่บริหารจัดการเงินลงทุน” นายวิน กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลบอล โทเทิล รีเทิร์น (CIMB-PRINCIPAL GTR) มีทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท โดยเป็นกองทุนประเภท Feeder Fund ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวคือ Templeton Global Total Return Fund ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) วันที่ 27 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2560 กำหนดวงเงินสั่งซื้อขั้นต่ำครั้งละ 5,000 บาท โดยกองทุนฯ มีนโยบายจ่ายปันผลไม่เกินปีละ 12 ครั้ง (จ่ายจริงปีละ 4 ครั้ง) สำหรับนักลงทุนที่สนใจสามารถขอหนังสือชี้ชวนได้ที่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา ทั่วประเทศ