20 พฤศจิกายน 2560 : ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST คาดการณ์หุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ( 20-24 พ.ย.) ว่า มีโอกาสที่จะปิดสูงขึ้นจากสัปดาห์ก่อน การตอบรับในทางลบต่อผลกำไรของตลาดและกฎหมายภาษีของสหรัฐฯที่ผ่านไปอีกขั้นหนึ่ง หนุนให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาด
แต่ด้วยราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมามาก P/E ของตลาด อยู่ราวๆ 18.0 เท่า ถือว่าไม่ถูกมาก จะเป็นตัวจำกัดให้ดัชนีฯผ่าน 1,730 จุด ไปไม่ได้ง่ายนักในสัปดาห์นี้ โดยตัวแปรที่มีผลต่อดัชนีฯ น่าจะเป็นแรงซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศว่าจะเป็นในทิศทางใดหากขายมาก นักลงทุนไทยจะไม่กล้าซื้อหุ้น
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนด้วยดัชนีฯและราคาหุ้นตัวหลักๆ ถือว่าอยู่ในระดับสูงจึงนะให้เลือกลงทุนในหุ้นที่อยู่ในกลุ่มหลักๆ ที่คาดว่าจะมีแรงซื้อเข้า คือ กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก หุ้นได้ประโยชน์จาก EEC ขณะที่หุ้นในกลุ่มอื่นๆ นั้น เน้นลงทุนในหุ้นที่มีกำไรดีมีการเติบโตในอนาคต คาดดัชนีฯแกว่งในกรอบ 1,680-1,730 จุด หุ้นที่น่าสนใจสัปดาห์นี้ได้แก่ BBL, CPALL, GUNKUL, SENA
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ แรงซื้อขายจากนักลงทุนต่างประเทศหากซื้อต่อจะเป็นบวกแต่ถ้าพลิกมาขายอีกก็จะกดดันต่อทิศทางตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม จากนี้ถึงสิ้นปีนักลงทุนต่างประเทศจะหันมาซื้อหุ้นไทยอย่างจริงจัง หลังเพิ่งขายทำกำไรไปในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และดัชนีฯเองก็ปรับตัวลงไปไม่มากพอ ขณะที่ แผนปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ หนุนตลาดหุ้นดีขึ้น แต่ต้องตามดูว่าจะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาฯ ได้หรือไม่ ตอนนี้ตลาดประเมินว่าจะผ่านได้ภายในปีนี้
ส่วนปัจจัยในประเทศ การประกาศผลกำไรของตลาดไตรมาส 3 จบลงไปแล้วที่ 2.07 แสนล้านบาท ถือว่าทรงๆตัว แต่ต่ำกว่าที่เราคาดว่าจะโต 16% ราคาหุ้นตอบรับไปแล้วจากนี้ นักลงทุนจะเริ่มพิจารณาเข้าลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตดี
อีกประเด็นคือการประชุม ครม. ว่าจะพิจารณาเรื่องโครงการลงทุน EEC กับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวหรือมาตรการอื่นๆ เวลานี้มองว่า การอนุมัติอะไรก็ตามของครม. เป็นบวกต่อตลาดหุ้น นอกจากนี้มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ
หลายตัวของไทยในสัปดาห์นี้ได้แก่ GDP ไตรมาส (20 พ.ย.) , รายงานประชุม กนง.(22พ.ย.) , ตัวเลขส่งออก (22พ.ย.) , ตัวเลขยอดขายรถ ( 23 พ.ย.) ตัวเลขเหล่านี้ จะสะท้อนถึงสภาวะของภาคเศรษฐกิจต่างๆ และมีผลต่อตลาดหุ้นด้วย
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศ KTBST ยังชื่นชอบตลาดเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว (Developed market) อย่างสหรัฐฯ จากตัวเลขเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัว เราปรับคำแนะนำจากระดับลงทุนเท่ากับตลาดสู่ระดับลงทุนมากกว่าตลาด หลังราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี มีการปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้า ตลอดจนการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 นั้นเริ่มออกมาสดใสและนโยบายปฏิรูปภาษีมีความเป็นไปได้มากขึ้น เช่นเดียวกันตลาดยุโรป
ความเสี่ยงทางการเมืองที่ลดลงจากการเลือกตั้งของฝรั่งเศส และความสามารถในการจัดตั้งรัฐบาลของนายมาครอนได้ ทำให้ KTBST เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) เป็นการลงทุนมากกว่าตลาด เนื่องจากเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวดีขึ้น ในขณะที่ประเด็นเรื่องคาตาโลเนียนั้นจะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเช่นกัน