6 พฤศจิกายน 2560 : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.05-33.30 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 33.12 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางสอดคล้องกับสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ แม้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 8.6 พันล้านบาท และ 1.35 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่
โดยตลาดให้ความสนใจกับรายละเอียดร่างกฎหมายภาษีของสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ขณะที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) และการประกาศชื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนใหม่ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี แต่เงินปอนด์กลับอ่อนค่าลง เนื่องจากบีโออีส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปอาจไม่ต่อเนื่อง และแสดงความกังวลต่อความเสี่ยงหลังอังกฤษพ้นจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปในเดือนมีนาคม 2562
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่การเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งถือเป็นปัจจัยบวก ส่วนข้อมูลเดือนกันยายนซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาวะอากาศมีการทบทวนเพิ่มขึ้นจากเดิม เรามองว่าประเด็นหลักอยู่ที่ค่าจ้างซึ่งไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปเดือนธันวาคมและมีความเป็นไปได้ว่าจะปรับขึ้นอีกราว 2 ครั้งในปี 2561 ส่วนการเปิดเผยร่างกฎหมายภาษีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้มีการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ ยังไม่แน่นอนว่าสภาคองเกรสจะอนุมัติร่างกฎหมายนี้หรือไม่ ทำให้เราประเมินว่าการฟื้นตัวของค่าเงินดอลลาร์จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 8 พฤศจิกายน ขณะที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวในลักษณะกระจายตัวมากขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนภาคส่งออกของไทย
ทั้งนี้ กนง.ได้ระบุหลายครั้งว่าดอกเบี้ยที่อยู่ระดับต่ำเป็นเวลานานจะลดแรงจูงใจของการออม ขณะที่พฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนสูงขึ้น อาจทำให้นักลงทุนมองข้ามความเสี่ยงที่แท้จริงของการลงทุน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเงินเฟ้อทั่วไปยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของกนง. เราจึงคาดว่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงท่าทีการสื่อสารกับตลาดการเงินอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ จะมีกรรมการใหม่ 2 ท่าน เริ่มเข้าร่วมประชุมกนง.ในรอบนี้ด้วย