31 ตุลาคม 2560 : นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า กรณีที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ได้เปิดรับฟังความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงินว่า ในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อังกฤษ ไอร์แลนด์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา มีการบริหารจัดการเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวของสถาบันการเงิน เพราะตามหลักการเงินดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ทางสศค.จึงจะดูแลให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด
ทั้งนี้ การจะนำเงินฝากที่ไม่มีการเคลื่อนไหวนั้น เข้าคลัง หรือไปใช้ในประโยชน์ส่วนใด จะต้องขึ้นอยู่กับผลการทำประชาพิจารณ์ก่อน และสรุปเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.พิจารณา จากนั้นจึงจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. โดยคาดว่ากฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ภายในปี2561
ด้าน นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการ สศค. ระบุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการประชาพิจารณ์ภาคประชาชนอยู่ว่าจะคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะสามารถบังคับใช้ได้หากผ่านการพิจารณาตามกระบวนการ โดยจะเสนอให้ ครม.พิจารณาในเดือนธันวาคมนี้
ซึ่งในหลักการกระทรวงการคลังจะนำเงินฝากในบัญชีของประชาชนที่มีเงินในบัญชีเกิน 2,000 บาท ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 10,000 ล้านบาท มาบริหารจัดการ โดยทายาทสามารถนำหลักฐานมารับเงินได้ในอนาคต โดยยืนยันว่า ในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาในการนำเงินดังกล่าวไปใช้ เพื่อการสาธารณะประโยชน์ หรือ เก็บไว้เป็นเงินแผ่นดินอย่างแน่นอน แต่เป็นการดำเนินการเพื่อเก็บรักษาให้กับประชาชน
ซึ่งในพ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่าจะไม่นำเงินที่ได้มาไปใช้ทุกประการ แต่ในอนาคตสามารถปรับแก้ไขพ.ร.บ.ให้นำเงินไปใช้ในสาธารณะประโยชน์ได้ เช่นเดียวกับเงื่อนไขของการไม่ไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลเกิน 10 ปี ให้สามารถยึดเงินดังกล่าวเข้าเป็นเงินแผ่นดินได้ทันที
ด้าน ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ บอกว่า เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด เมื่อนำเงินฝากโอนมาไว้ในความดูแลของกระทรวงการคลังแล้วจะต้องดำเนินการอย่างจริงจังในการติดต่อ หรือแจ้งให้ประชาชนเจ้าของบัญชีหรือทายาทรับทราบ พร้อมเสนอแนะว่า การจะยึดเงินดังกล่าวเข้าเป็นเงินแผ่นดินน่าจะขยายเวลาออกไปเป็น 15 ปี หรือรวมระยะเวลาทั้งหมดแล้ว 25 ปี
รวมทั้งเสนอว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรทบทวนลดค่าธรรมเนียมบัญชีที่มียอดเงินคงเหลือต่ำกว่า 2,000 บาท และไม่เคลื่อนไหวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันธนาคารส่วนใหญ่จะเก็บในอัตราเดือนละ 50 บาท