30 ตุลาคม 2560 : ปีๆนึงนี่ผ่านไปเร็วมาก นี่ก็ใกล้จบเดือนแรกของไตรมาสสุดท้ายของปีนี้แล้ว เรื่องของเวลาก็คงปล่อยให้ผ่านเลยไป เพราะยังงั๊ยยังไงเวลาก็คงไม่มีวันหวนกลับมาได้ ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลากันไป เรามาพูดเรื่องเงินๆทองๆกันดีกว่า เมื่อสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรุ่นน้องมาปรึกษา (แกล้มบ่นมากกว่า) ว่า “ผ่อนบ้านมาก็หลายปีแล้ว หนี้ไม่ลดลงเลย ถ้ามีเงินก้อนไปโปะก็ดีสินะ มีทางไหนบ้างนะทำให้หนี้ลดเร็ว”
ไอ้เราก็หัวอกเดียวกับรุ่นน้อง เป็นทาสดอกเบี้ยแบงก์ พยายามเขี่ยหนี้ให้หมดไวๆ บนบานสานกล่าวให้ถูกหวยก็แล้ว รีไฟแนนซ์เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยถูกก็แล้ว “หนี้ก็ยังคือหนี้” แข็งแรงยิ่งกว่าเชื้อไวรัสฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตาย บังอิญเคยฟังกูรูนักวางแผนทางการเงินของ”มันนี่โค้ช” เคยแนะนำเรื่องนี้ไว้ เลยอยากจะมาแนะนำหลายๆคนกันสักหน่อย เพื่อใครคิดเรื่องนี้อยู่ก็นำไปใช่ได้
แนวทางปลดหนี้บ้าน!!!
กรณีที่ 1 ผ่อนชำระเพิ่ม เป็นจำนวนเท่าๆ กันในแต่ละเดือน
ยกตัวอย่างเช่น ซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาท ส่งบ้านเดือนละ 18,000 บาท สมมติคุณวางแผนที่จะส่งเพิ่มอีกเดือนละ 10% หรือ 1,800 บาท (จะเพิ่มเป็น15% ก็ได้แล้วแต่ความสามารถ) รวมแล้วส่งบ้านเดือนละ 19,800 บาท
ในกรณีบ้านของคุณจะผ่อนชำระหมดภายในระยะเวลา 22 ปี กับอีก 10 เดือน โดยประมาณการหมดเร็วขึ้น 7 ปีเศษ แถมยังลดดอกเบี้ยลงได้ร่วมๆ 1 ล้านบาท ทั้งนี้ถ้าอยากเร็วขึ้น ก็อาจปรับส่วนเพิ่มให้มากขึ้นอีกก็ได้ถ้าไหว
กรณีที่ 2 ผ่อนชำระเพิ่มอีก 1 เดือน วิธีคิดในแนวทางที่สองก็คือ 1 ปี เราส่งบ้าน 13 เดือน แทนที่จะเป็น 12 เดือน ซึ่งอาจจะใช้ช่วงโบนัสออก หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้เงินก้อน จะโปะเวลาไหน ช่วงใดของปีก็ได้ ได้ผลไม่ต่างกัน จากตัวอย่างสมมติ ส่งค่าบ้านเพิ่มเป็น 2 เดือน ในเดือนธันวาคมของทุกปี (เดือนอื่นส่งปกติ) พูดง่ายๆ เดือนอื่นส่งเดือนละ 18,000 บาท แต่เดือนธันวาคมส่ง 36,000 บาท กรณีนี้ บ้านของคุณจะผ่อนชำระหมดภายในระยะเวลา 23 ปี กับอีก 10 เดือน เร็วขึ้นร่วม 7 ปี เหมือนกัน และลดดอกเบี้ยลงได้ร่วมๆ 8 แสนกว่าบาท
มีหลายคนเริ่มตั้งคำถามแล้วว่า ทำไม? วิธีแรก ถึงหมดเร็วกว่า และลดดอกเบี้ยได้มากกว่า ซึ่งไม่มีอะไรมาก เพราะวิธีแรกเราตัดต้นไปทุกเดือน แม้จะนิดหน่อยแค่ 1,800 บาทก็ตาม เมื่อต้นลดลงทุกเดือน เวลาก็สั้นลง ดอกเบี้ยก็ลดลงตามไปด้วยเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ หากใครอยากผ่อนบ้านหมดเร็วกว่าในตัวอย่างที่นำเสนอ ก็สามารถปรับแผนการผ่อนชำระของคุณได้ ก็อย่างที่บอก ยิ่งโปะเยอะก็ยิ่งหมดเร็ว
หัวใจสำคัญของวิธีการข้างต้นก็คือ กรุณาบอกธนาคารด้วยว่า เงินที่คุณนำฝากเข้าไปเพิ่มนั้น เพื่อต้องการตัดเงินต้นที่เป็นหนี้บ้านอยู่ อย่าไปนำฝากเข้าไปในบัญชีออมทรัพย์เฉยๆ เพราะถ้าไม่บอกธนาคาร เขาก็จะตัดยอด 18,000 บาทเหมือนเดิม ต้องบอกด้วยว่าจะตัดหนี้ด้วยยอด 19,800 บาท (กรณีรายเดือน) และ 36,000 บาท (กรณีรายปี) เป็นต้น มิฉะนั้น จะไม่เกิดผลลัพธ์ในแบบที่ต้องการได้
อย่างไรก็ดี อย่าเร่งการผ่อนชำระมากเสียจนแผนการเงินในชีวิตประจำวันเสียหายนะ สำหรับท่านที่ห่วงเรื่องดอกเบี้ย ไม่อยากเสียดอกเบี้ยเยอะ อีกแนวทางหนึ่งที่พอจะทำได้เหมือนกัน ก็คือ การรีไฟแนนซ์บ้าน
การรีไฟแนนซ์ ก็เหมือนการทำสัญญากู้ยืมเงินกันใหม่ โดยเราสามารถทำสัญญาใหม่ได้ หลังจากผ่อนชำระเกิน 3 ปีไปแล้ว (อันนี้ต้องดูเงื่อนไขจดจำนองของแต่ละธนาคารอีกที)
ถ้าปัจจุบันบ้านที่เราผ่อนอยู่นั้นมีอัตราดอกเบี้ยที่สูง ท่านก็อาจพิจาณาขอรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม หรือธนาคารใหม่ ถือเป็นการกดดันธนาคาเดิมที่ใช้อยู่ เพื่ออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ต่ำกว่า
บางท่านอาจบอกว่า วิธีการนี้จะทำให้ระยะเวลาผ่อนชำระยาวออกไปอีก อันนี้ต้องบอกว่าไม่จริงเลย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเราจะตกลงกับธนาคาร สัญญาบนโลกนี้เขียนยังไงก็ได้ ตราบใดที่สองฝั่งคู่สัญญายอมรับและไม่ผิดกฎหมาย
สำคัญ คือ การร่นเวลาผ่อนชำระในสัญญาใหม่จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของเรานะ ถ้าไม่ติดปัญหาตรงนี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ในมุมมองของผู้แนะนำ บ้านถ้าผ่อนหมดเป็นของเราเร็วๆ ได้ก็ดี แต่ถ้าการเพิ่มยอดส่ง ทำให้เป็นภาระเพิ่ม การรักษากติกาผ่อนชำระตามเงื่อนไขไปก่อน ก็เป็นเรื่องที่ไม่เสียหายจนเกินไปนัก สิ่งสำคัญ คือ คุณทำบ้านของคุณ ให้เป็น “บ้าน” จริงๆ ก็พอแล้ว